บริการสุขภาพ

เด็ก กทม.เสี่ยง “อ้วน” เกือบครึ่ง

น.ส.นริสรา พึ่งโพธิ์สภ นิสิตปริญญาเอกแห่งวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) รุ่นที่ 7 เปิดเผยถึงผลวิจัย ภาวะโภชนาการเกิน หรือ ภาวะอ้วนว่า ภาวะดังกล่าวเป็นภัยเงียบที่แอบแฝงในความจ้ำม่ำของเด็กเกือบทุกสังคมทั่วโลก   โดยงานวิจัยนี้ได้ศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลต่อภาวะโภชนาการเกิน และแสวงหาแนวทางควบคุมภาวะโภชนาการเกินของเด็กวัยเรียนอายุ 9-12 ปี ในกรุงเทพมหานคร พบว่าเกือบครึ่งหนึ่ง  คือ  ร้อยละ  49.3  มีภาวะโภชนาการเกิน  และพบปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลต่อการเกิดภาวะโภชนาการเกิน อาทิ เพศ ระยะเวลาทำกิจกรรมที่ใช้แรงน้อย ระยะเวลาทำกิจกรรมที่ใช้แรงปานกลาง รายได้ของครอบครัว อาชีพของผู้ปกครอง แบบอย่างที่ดีในการดูแลโภชนา การและสุขภาพของผู้ปกครอง กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่โรงเรียน การเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา



น.ส.นริสรากล่าวอีกว่า เด็กที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโภชนาการเกิน ได้แก่ เด็กวัยเรียน ผู้ชาย ผู้เป็นลูกคนเดียวและลูกคนสุดท้อง เนื่องจากครอบครัวไทยส่วนใหญ่จะทุ่มเทให้ความรัก ตามใจลูกคนสุดท้อง หากเป็นลูกคนเดียวมักจะได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าลูกในลำดับอื่นๆ เด็กมักถูกตามใจให้กินดีอยู่ดี จนอาจทำให้ได้รับสารอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ เด็กที่มีพี่น้องหลายคน เด็กที่มักทำกิจกรรมที่ใช้แรงน้อยถึงปานกลาง เด็กที่ได้ดื่มนมแม่ไม่นาน เด็กในครอบครัวที่มีฐานะดี เด็กที่อยู่ในโรงเรียนที่จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพน้อย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโภชนาการเกินมากกว่าเด็กวัยเรียนกลุ่มอื่นๆ สำหรับแนวทางควบคุมภาวะโภชนาการเกินของเด็กวัยเรียน คือ 1.มาตรการทางการบังคับกฎ โดยการออกข้อบังคับให้ผู้ประกอบการค้าเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ขนมเด็ก ต้องปรับปรุงคุณภาพอาหารให้มีคุณค่าทางโภชนาการ ตามปริมาณและสัดส่วนที่เด็กควรได้รับ 2.มาตรการทางวิศวกรรม ได้แก่ การออกแบบและพัฒนาเครื่องออกกำลังกายแบบครบวงจรสำหรับเด็กวัยเรียน การพัฒนาโปรแกรมการออกกำลังกายสำเร็จรูป โดยเชื่อมต่อกับเกมคอมพิวเตอร์ และ 3.มาตรการทางสุขศึกษา ได้แก่การให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ครู อาสาสมัครชุมชน ผู้ปกครอง และนักเรียน.

ข้อมูลจาก นสพ.ไทยรัฐ 17-4052

{mxc}

พิมพ์ อีเมล

สปสช.ตั้งเป้าใน 3-5 ปี มีผู้บริจาตไตปีละ 1,000 ราย

สปสช.ตั้งเป้าใน 3-5 ปี มีผู้บริจาตไตปีละ 1,000 ราย ปรับค่านิยมและทัศนคติว่าการบริจาคอวัยวะไม่ดี ทั้งที่เป็นการต่อชีวิตให้เพื่อนมนุษย์

อ่านต่อ

พิมพ์ อีเมล

นักโภชนาการชี้ “น้ำมันคาโนลาผสมทานตะวัน” สร้างสมดุล เสริมสุขภาพ

นักโภชนาการชี้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนไปตามภาวะสังคมที่เร่งรีบ และรับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารตามแบบของชาวตะวันตกเข้ามาอีก โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านทั้งสะดวก รวดเร็ว ซึ่งมีส่วนประกอบทั้งแป้ง น้ำตาล และมีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก ส่งผลให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจได้

อ่านต่อ

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน