แพทย์สูติฯ เตือนหญิงเลือกวิธีผ่าคลอด ส่งผลลูกมีเปอร์เซ็นต์เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด และโรคอื่นๆ สูงมากกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ เหตุเด็กไม่ได้รับแบคทีเรียสร้างภูมิคุ้มกันที่อยู่ตรงช่องคลอดเมื่อแรก เกิด
บริการสุขภาพ
โฆษณามั่วห่วงล็อคถุงยาง อย.ไม่เคยรับรองปลอดภัย
นพ. พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า พบมีการโฆษณาห่วงรัดล็อคถุงยางอนามัยทางอินเตอร์เน็ต อ้างว่าเป็นนวัตกรรมห่วงรัดถุงยางอนามัยอัจฉริยะ ใช้เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับรัดถุงยางอนามัยให้ติดกระชับ ป้องกันการหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์โดยกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ได้ผ่านการ รับรอง ด้านความปลอดภัยจาก อย.แล้ว และใช้เลขที่หนังสือของ อย. เป็นหนังสือรับรองความปลอดภัยประเภทอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง อย.ไม่เคยมีการอนุญาตเลขที่ อย. ในลักษณะดังกล่าว และไม่มีการรับรองความปลอดภัยของอุปกรณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ อย. ควบคุมเข้มงวดในระดับที่ต้องขอใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้า
นพ.พงศ์ พันธ์ เปิดเผยว่า ผู้บริโภคสามารถสังเกตได้จากเครื่องหมาย อย. บนกล่อง โดยถุงยางอนามัยส่วนใหญ่จะผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ มีขนาด รูปทรง ลักษณะผิว สี และกลิ่นตามความต้องการของผู้ใช้ โดยมีทั้งถุงยางอนามัยชนิดธรรมดา และถุงยางอนามัยที่ใส่สารเบนโซเคน 5% ช่วยลดความไวต่อความรู้สึกสัมผัส ซึ่งผู้ใช้ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้และคู่นอนเคยมีอาการแพ้ยาชาสำหรับทาเฉพาะที่ แพ้สารกันแดด หรือกลุ่มยาซัลฟา หรือ ยาย้อมผม เป็นต้น
ข้อมูลจาก นสพ.มติชน 24/2/52
ศูนย์วิจัยปัญหาสุราฟันธง ธุรกิจเหล้าแหกกฎหมาย
รศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ ผู้ประสานงานเครือข่ายนักวิชาการเฝ้าระวังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า เพื่อให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ขอเสนอดังนี้ 1.เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตรวจจับดำเนินคดีโดยเคร่งครัด และรวดเร็ว การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะเห็นภาพขวดผลิตภัณฑ์ ทั้งแบบเต็มหรือบางส่วนของขวด หรือบรรจุภัณฑ์ ต้องหมดไปจากทุกสื่อโฆษณา 2.คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ต้องกำหนดกฎกระทรวงตามมาตรา 32 ให้มีมาตรการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ต่ำไปกว่ามาตรการเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางโทรทัศน์และวิทยุใน ช่วงเวลาตีห้าถึงสี่ทุ่ม และ 3.ขอเรียกร้องให้เร่งตั้งคณะกรรมการนโยบายแอลกอฮอล์แห่งชาติ
ร.ท. หญิงจุฑาภรณ์ แก้วมุงคุณ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า ศวส. ได้ติดตามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ตลอดปี 2551 พบว่าการโฆษณาตราผลิตภัณฑ์และตราบริษัท ในช่วงตีห้าถึงสี่ทุ่ม มีจำนวนมากกว่าปี 2550 ซึ่งมีเพียง 4.5 และ 8.3 ครั้งต่อสัปดาห์เพิ่มเป็น 42 และ 122 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นการโฆษณาโชว์ตราผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้นเป็น 10 และการโฆษณาตราบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 15 เท่า ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ตลอดทั้งปี พบว่า มีทั้งสิ้น 827 โฆษณา หรือเดือนละ 69 ชิ้น ขณะที่ก่อนมีกฎหมายบังคับใช้ มีการโฆษณาเฉลี่ยที่ 37.5 ชิ้นต่อเดือน
นพ. สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เชิญบริษัท ผู้ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 9 บริษัท มาชี้แจงความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 เรื่องการห้ามโฆษณา เป็นครั้งสุดท้าย แต่มีเพียง 3 บริษัท ที่เข้าร่วมรับฟังการชี้แจง คือ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ไทยเบเวอเรจ จำกัด มหาชน และบริษัท ซานมิเกล ซึ่งบริษัทที่เข้าร่วมการชี้แจงรับฟังด้วยความเข้าใจ มีเพียงบริษัท สิงห์ฯ ที่ยืนยันว่า บริษัทสามารถโฆษณาได้ และไม่ได้ทำผิดกฎหมาย โดยอ้างว่ายังไม่มีการออกกฎกระทรวงมารองรับ ส่วนอีก 6 บริษัท กระทรวงจะชี้แจงด้วยจดหมาย ทั้งนี้ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้ จะหารือกับนายพิเชฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการห้ามจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การกำหนดวันดีเดย์ จับปรับ การละเมิด พ.ร.บ.ฉบับนี้ทั่วประเทศ