เมื่อประธานาธิบดีบารัก โอบามา ไฟเขียวการวิจัยสเต็มเซลล์เต็มรูปแบบ เขย่าแวดวงงานวิจัยทางการแพทย์ให้สั่นคลอนทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย
ในที่สุด ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็เปิดศักราชการวิจัยสเต็มเซลล์เต็มรูปแบบ ด้วยการลงนามยกเลิกข้อห้ามสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ไม่ให้ใช้เงินของรัฐบาลกลางเพื่อสนับสนุนการวิจัยสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์
คำสั่งของ โอบามา กำหนดให้สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) วางแนวทางในการดำเนินการวิจัยด้วยการนำสเต็มเซลล์มาจากห้องทดลองเอกชนภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันลงนาม (9 มี.ค.)
สัญญาณของโอบามาเท่ากับเป็นการประกาศบุกเบิกงานวิจัยทางด้านนี้ ซึ่งปัจจุบันสหรัฐอเมริกาทุ่มงบประมาณ เพื่อสนับสนุนการวิจัยมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฟ้าเปิดแล้วครับ ผมคงต้องบอกเหมือนทุกครั้งครับว่า ภายในไม่กี่ปีหลังจากนี้ผลิตภัณฑ์สเต็มเซลล์ วิศวกรรมเนื้อเยื่อและอวัยวะสังเคราะห์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน อย.สหรัฐ จะเริ่มพาเหรดเข้าสู่ตลาดแน่นอนในราคาที่สูงมาก เพราะมีงานวิจัยจำนวนไม่น้อย ที่เดินเข้าสู่ระดับการทดลองในมนุษย์และขอการรับรองจาก อย.สหรัฐ
ไม่เพียงนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่ คึกคักกับนโยบายของ โอบามา ครับ เท่าที่ผมทราบภาคธุรกิจเองก็คึกคักไม่น้อย เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลกหลายแห่ง เข้ากว้านซื้อบริษัทสเต็มเซลล์หลายบริษัทในสหรัฐ เพราะเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมาแน่แล้ว
หันมามองเมืองไทยบ้างครับ คึกคักไม่แพ้กัน...แต่แบบหลอกกันเองกันทั้งนั้น เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาขายในตลาดจำนวนมาก ทุกรูปแบบตั้งแต่ สเต็มเซลล์แบบครีม ผลิตจากน้ำเลี้ยง สเต็มเซลล์สัตว์จากสหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์ ราคาไม่แพงใช้บริการครั้งละ 20,000 -25,000 บาท อ้างว่าใช้เพื่อกระตุ้นเซลล์บนใบหน้าลดริ้วรอย แค่มารับการรักษา เดือนละ 2 ครั้ง ใบหน้าก็อ่อนเยาว์ไปอีกนาน
แบบครีมมีขายกันทั่วไปครับ ตามคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ พร้อมกับคำอวดอ้างว่าผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งใน ไทยและสหรัฐอเมริกา (อ้างกันเองดื้อๆ เลยครับ)
บางสถานบริการ อ้างไปไกลว่า เป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก มีประวัติการรักษายาวนาน แจกแจงวิธีการรักษาแบบละเอียด แบบคนฟังทึ่ง!! ...อ้างว่าแค่ฉีดเฟรชเซลล์ จากสัตว์เข้าไปยังร่างกายมนุษย์ เซลล์ที่สกัดจากตัวอ่อนของแกะพุ่งตรงไปทำหน้าที่ให้เซลล์เก่าของร่างกาย เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้ารักษาโรคพากินสันเซลล์ก็ไปยังสมอง ถ้าโรคชรา วัยทอง เซลล์จะไปที่ต่อมหมวกไต ถ้ากล้ามเนื้ออ่อนแรงก็จะไปที่ขา หรือรักษาโรคหัวใจมันก็จะวิ่งไปยังอวัยวะที่ต้องการเอง แล้วทุกอย่างก็จะกลับมาสดชื่น ราวกับเกิดใหม่
ลองมาดูค่าใช้จ่าย ซึ่งสนนราคาแต่ละคอร์สใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ตกวันละ 4 แสนบาท คนที่เป็นโรคที่ต้องการมารักษา ต้องมารักษาประมาณ 3 ครั้งภายใน 2 ปี แต่ถ้าคนที่ไม่เป็นโรคแต่อายุ 35 ปีขึ้นไปแล้ว ก็สามารถมาได้ 5 ปีต่อครั้ง แต่หากอายุ 45 ปีขึ้นไป ก็เป็น 4 ปีต่อครั้ง โฆษณาเกินจริงครับเพราะความจริงแล้วยังไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ และได้รับรองตามหลักวิชาการ ราคาก็สูงมาก ความจริงต้นทุนนิดเดียว
อย่าเชื่ออย่าโฆษณารักษาสเต็มเซลล์ในปัจจุบันครับ อย่าไปหลงเชื่อครีมสเต็มเซลล์ เพราะสเต็มเซลล์ไม่ใช่สารเคมีนำมาทำครีมไม่ได้ ทำเป็นแคปซูลหรืออาหารกินก็ไม่ได้ เพราะสเต็มเซลล์พอตาย มันก็คือโปรตีนธรรมดา แทบจะไม่มีคุณค่าเลยครับ และที่สำคัญคือห้ามไปฉีดสเต็มเซลล์สัตว์เด็ดขาด เพราะไม่ได้ผล อาจแพ้ถึงเสียชีวิต มีปัญหาระยะยาว
(น.พ.ถนอม บรรณประเสริฐ หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะสังเคราะห์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ข้อมูลจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 27/3/52