จากกรณีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดเหตุนักท่องชาวไทยติดค้างอยู่ที่สนามบินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ตามที่บริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า จะพาสมาชิกไปท่องเที่ยว แต่กลับเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากเจ้าของบริษัท คือ นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือรู้จักกันในนาม "ซินแส โชกุน" ได้ปิดโทรศัพท์หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด! มีรายงานจาก นสพ.เดลินิวน์แจ้งว่า ชุดสืบสวนกองปราบปรามสามารถควบคุมตัวนางสาวพสิษฐ์ หรือ "ซินแส โชกุน" ได้ที่ จ.ระนอง ขณะหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่กำลังพาตัวเข้ามายังกองปราบปราม เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และมีรายงานว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวแม่ของซินแส โชกุน และเครือข่ายขณะกำลังหลบหนีที่จ.ระนอง โดยกำลังทำการสอบปากคำอยู่ที่ห้องสอบสวนของ ตม.ระนอง
ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวซินแสโชกุน มาที่กองบังคับการปราบปรามภายในวันนี้ เวลา 18.00 น.
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่าการกระทำของบริษัท เวลท์เอฟเวอร์(Wealth Ever)ที่เกิดขึ้นอาจเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
“ความผิดตาม พรบ.ขายตรงและการตลาดแบบตรง 2545 แก้ไขปี 2550 นั้น ข้อเท็จจริงมีการให้สมัครสมาชิก ซึ่งจะได้รับรายได้จากการขายสินค้า และหากต้องการไปเที่ยวฟรีจะต้องซื้อสินค้าให้ได้ตามที่กำหนด ซึ่งเข้าลักษณะของการขายตรงตาม พรบ.ขายตรงฯ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจขายตรงจะต้องจดทะเบียนการประกอบธุรกิจ หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนหรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝื่นอยู่ ซึ่งการการที่ สคบ. ออกมาชี้แจงว่าบริษัทฯไม่ได้จดทะเบียนขายตรง แสดงว่าบริษัท ดังกล่าวประกอบธุรกิจขายตรงโดยผิดกฎหมาย”
สำหรับผู้บริโภคที่เดือดร้อนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ พร้อมรวบรวมเอกสารต่างๆ เพื่อเรียกร้องความเสียหายกับบริษัท