มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเผย มีผู้บริโภค 385 รายสนใจร่วมฟ้องคดีแบบกลุ่มกรณีการปัดเศษวินาทีเป็นนาทีของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 4 ราย หลังรวบรวมข้อมูลเสร็จ มูลนิธิพร้อมนำคดีสู่ศาล เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่เป็นธรรมแก่สังคมโดยรวม
17 มกราคม 2560 กรุงเทพฯ – นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) เผยผลจากการรณรงค์ของมูลนิธิฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการปัดเศษวินาทีเป็นนาทีของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เห็นว่าเป็นเรื่องไม่เป็นธรรม และ กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมควรวางกติกาห้ามเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคมที่ผ่านมา ได้กลับมติเรื่องการบังคับห้ามปัดเศษวินาทีทุกรายการส่งเสริมการขาย กลายเป็นบังคับแค่ครึ่งเดียวของตลาด ทาง มพบ. ก็ได้เริ่มประกาศเชิญชวนผู้บริโภคที่ประสบปัญหาร่วมฟ้องคดีแบบกลุ่มเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ ซึ่งผลปรากฏว่า ในขณะนี้มีผู้ใช้บริการของทรู (TRUE) จำนวน ๑๓๓ ราย เอไอเอส (AIS) จำนวน ๑๒๗ ราย ดีแทค (DTAC) จำนวน ๑๒๑ ราย และบริษัท กสท. โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) หรือ CAT จำนวน ๔ ราย ได้แจ้งความสนใจเข้าร่วมฟ้องคดีด้วยแล้ว
“รวมแล้วคือมีผู้บริโภคสนใจร่วมฟ้องคดีกับทางมูลนิธิ 385 ราย ซึ่งขณะนี้ทางมูลนิธิกำลังเร่งให้ผู้สนใจฟ้องยื่นขอสำเนารายละเอียดการใช้บริการโทรศัพท์ (call detailed) จากผู้ให้บริการ เพื่อนำมาประกอบการฟ้องคดีแบบกลุ่ม แต่กลับพบว่า มีผู้บริโภคบางรายประสบปัญหาในการขอรายละเอียดการใช้โทรศัพท์ของตนเอง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หยุดการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค และ กสทช. ก็ควรที่จะกำชับให้ผู้รับใบอนุญาตทั้งหลายปฏิบัติตามกฎหมายของ กสทช. ด้วย” นางสาวสารีกล่าว
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวอีกว่า เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว มูลนิธิฯ ก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการฟ้องคดีแบบกลุ่มให้เร็วที่สุด โดยต้องยืนยันว่า การคิดค่าโทรศัพท์แบบไม่ปัดเศษจะทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป ส่วนที่มีการอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคจ่ายแพงขึ้นนั้นไม่เป็นจริงแน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นการนับเวลาการใช้โทรศัพท์ หากเราไม่ได้ใช้เต็มจำนวนนาทีก็ไม่ควรถูกปัดเศษวินาทีให้เป็นนาที สิ่งที่ทางมูลนิธิและผู้บริโภคที่เข้าร่วมเสนอเป็นเรื่องการขอให้นับปริมาณการใช้งานโดยไม่ปัดเศษ ไม่ได้ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับการทำโปรโมชั่นหรือรายการส่งเสริมการขายของบริษัทแต่อย่างใด ค่ายมือถือทั้งหลายยังสามารถมีโปรโมชั่นได้ตามเดิม เพียงแต่การคิดค่าโทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ตให้คิดตามจริงไม่ปัดเศษ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้งานเต็มจำนวนตามแพ็คเกจจริงๆ
ส่วนที่มีการอ้างว่า กสทช. ไม่ควรกำกับเรื่องนี้ แต่ควรทำให้การใช้โทรศัพท์ (เสียง) ฟรี เพราะปัจจุบันเราสามารถโทรศัพท์โดยผ่านระบบไลน์โดยไม่ต้องเสียเงิน นางสาวสารีกล่าวว่า ไม่คัดค้านและยินดียอมรับแนวทางดังกล่าว แต่ตราบใดที่บริษัทมือถือยังเก็บเงินค่าโทรจากผู้บริโภคอยู่ ก็ต้องกำกับให้คิดเงินอย่างเป็นธรรม และต้องเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ใช่ให้เลือกความเป็นธรรมเพียง ๕๐% เท่านั้น
ในส่วนของการฟ้องคดีแบบกลุ่ม เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคชี้แจงว่าเป็นรูปแบบการดําเนินคดีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอํานวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เนื่องจากเป็นวิธีการที่สามารถคุ้มครองผู้เสียหายจํานวนมากได้ในการดําเนินคดีเพียงครั้งเดียว และสามารถอํานวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายที่ไม่มีความสามารถฟ้องคดีเพื่อเยียวยาความเสียหายด้วยตนเองได้ หรือผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจํานวนเพียงเล็กน้อยจนไม่คุ้มที่จะนำคดีสู่ศาล ทั้งนี้มูลนิธิฯ หวังว่า การดําเนินคดีแบบกลุ่มในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและเป็นมาตรการที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสในสังคมได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการดําเนินคดีแบบกลุ่มเป็นวิธีการที่ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ และยังช่วยหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในการฟ้องคดี และป้องกันความขัดแย้งกันของคําพิพากษา ตลอดจนเป็นมาตรการในการลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รูปธรรมปัญหาการปัดเศษเป็นนาที เช่น
• โทรเกิน 1 วินาที ถูกปัดเป็น 1 นาที หรือเวลาโทรไป 1.01 นาที ก็ตัดค่าโทรเป็น 2 นาที หรือเศษของนาทีบางครั้ง 1-2 วินาที แต่ถูกคิดค่าบริการ 1 นาที
• โทรไม่ถึงนาทีแต่คิดค่าโทรเป็นนาที เช่น โทร 10 วินาที 10 ครั้ง ถูกคิดค่าโทรเป็น 10 นาที ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
• เอาเปรียบผู้บริโภค โทรไม่ถึงนาทีคิดเต็มนาที โทรเลยนาทีนิดนึงกลับคิดเต็มนาที
• ไม่คิดค่าโทรตามจริง
• สัญญาณโทรไม่ติด มีเสียงรบกวน มีตัวเลขโชว์การโทรออก 1-2 วินาที ถูกนับเป็น 1 นาที
• คิดค่าโทรเกินโปรโมชั่น
• การคิดค่าโทรแบบปัดเศษ ทำให้เราใช้เวลาในการโทรไม่เต็มตามแพคเกจจริง
• ครบรอบสัญญาในแต่ละเดือน โทรใช้ไม่ครบ จะถูกตัดทันที
• ค่าโทรเกินไม่กี่วินาทีคิดเต็มนาที และมี SMS ที่คิดเงินส่งมาให้บ่อยๆ
• ค่าโทรเกินจริงทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากๆๆๆๆๆๆ
• ค่าโทรเกินจากแพคเกจทั้งที่่ใช้ไม่มาก
• ควรจะคิดค่าโทรตามจริงเป็น "วินาที" ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคและมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจที่มีความเป็นธรรมกับสังคม
• ถ้าโทร ไม่ถึง ๓๐ วินาที ก็ ไม่ควร คิดเต็ม ๑ นาที เพราะ ผม โทรแบบนี้ วันนึง ซัก ๑๐ กว่าครั้ง มันก็ต้องจ่าย ส่วนเกินวินาทีที่เหลือให้ ค่ายมือถือ กินปล่าว ฟรีๆ ไปมากเลย
• เสียเปรียบเพราะบริษัทไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นวินาทีและยังปัดเศษ ทำให้ใช้ได้ไม่เต็มตามแพคเกจที่บริษัทแจ้งไว้แต่ต้องจ่ายเงินครบ
• ไม่คิดเป็นวินาที คิดเต็มจำนวนนาที ทั้งทีบางครั้งใช้ไปแค่ 20 วินาที
• แพ็คเกจโทร+เน็ต ให้จำนวนนาทีในการโทรฟรีไม่ได้มากมาย แล้วการคิดค่าโทรเป็นนาทีจึงทำให้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
• แพ็คเก็ต ๒๕๐บาท ใช้ไป ๘๐นาที โทรได้ไม่กี่ครั้งระยะเวลาการโทรตามแพ็คเก็ตหมดแล้ว
• โทรน้อย แต่ทำไมเกินโปรตลอด
• ไม่เคยสังเกตุอย่างจริงจัง แต่รู้สึกว่าจำนวนนาทีที่โทรเป็นรายเดือนหมดเร็ว ทั้งที่โทรไม่บ่อย
• การคิดค่าโทรตามนาที ผมใช้โปรมือถือ แพ็คเกจ 599 โทร 300 นาที ซึ่งทุกเดือนๆ เกินบ้าง ไม่เกินบ้าง แต่เดือนใดที่ไม่เกิน ผมคิดว่าถ้าจะให้ยุติธรรม เครือข่ายควรจะมีการทบยอด นาทีการโทรที่เหลือไปในยอดบิลถัดไป เพราะว่าสิ่งที่เครือข่ายได้จากผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ คือ การจ่ายเงินของเรา แต่สิ่งที่เราได้อย่างไม่ยุติธรรม คือ การให้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
• โทรออก แต่ไม่มีการรับสาย (กดรอเพียง 2-3 ตื๊ด) ถูกคิดเงินด้วยค่ะ เคยร้องเรียนไปแล้ว ปัจจุบันบริษัทไม่คิดเงินแล้วค่ะ แต่ขอแจ้งให้ผู้ใช้บริการท่านอื่นลองตรวจสอบการใช้ของตนเองดู
นอกจากนี้ยังพบปัญหาจากค่าบริการโทรศัพท์ เช่น
• อยากให้จัดการเรื่องการคิดค่าโทรศัพท์รายเดือนด้วยนะคะ เวลาคิดเงินค่าบริการทำไมลูกค้าต้องโดนภาษีอีก
• เรียกเก็บเงินเกินจริง
• ใช้ไม่ถึงโปร แต่เสียเงินตามโปร
• อัตราค่าใช้บริการเกินจริง หรือค่าบริการเกินจริง มีรายการโปรโมชั่นเหมือนลดให้ แต่แจ้งรายละเอียดไม่ชัดเจน หลอกผู้ใช้งาน
• เก็บค่าบริการรายเดือนแพงเกินที่ใช้
• กินเงินค่าโทรเกินจริง เติมเงินไปเท่าไหร่ก็หมด เร็วกว่าปกติ เลยใช้รับอย่างเดียว
• เคยเจอปัญหาเรื่อง SMS ที่โดนคิดเงิน ทั้งๆที่ไม่เคยไปกดรับหรือสมัครใช้บริการใดๆทั้งสิ้น
• เอสเอ็มเอสแบบเสียเงิน
• การเอาเปรียบ / SMS ขายของที่อยู่ๆก็มาเก็บเงิน
• เติมเงินแล้วหมดเร็วมาก
• โฆษณาไม่ตรงกับประโยชน์ที่จะได้รับ
นอกเหนือจากปัญหาโทรศัพท์ ยังพบปัญหาสำคัญของผู้บริโภค เช่น
• เอาเบอร์ไปให้พวกประกันภัย
• เน็ตไม่เสถียร และใช้ไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่คิดค่าบริการเต็ม
• เน็ท4Gช้าเป็นเต่า
• ใช้เน๊ตไม่หมดแล้วทบไปเดือนหน้าไม่ได้
• ไม่ได้เปิดเน็ต(ข้อมูลมือถือ) เลย แต่อยู่ๆมีข้อความ มาแจ้งว่าใช้เน็ตไปเกิน 10 บาทแล้วหากใช้ถึง 49 บาทจะใช้ไม่จำกัด ไม่ได้ใช้ทำไมโดนคิดเงิน โทรไปถาม call center ก็หาว่าเปิดไม่รู้ตัว
• ใช้แป๊บเดียว net หมดละ
• ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องอินเทอร์เน็ตช้ามาก
• สัญญาณหลุดบ่อย แพคเกจ4gแต่หายากมากมีแต่3g