ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดี ‘เสื้อลายคายมาจิ’ ของกองทุนปฏิรูปพลังงาน ไม่ละเมิด ‘ก็อดจิ’ ของ ปตท. พร้อมเผย เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าสิ่งที่ ปชช. ทำมีประโยชน์ต่อสังคม
จากการที่เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 ศาลชั้นต้น ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษายกฟ้อง ‘คดีเสื้อคายมาจิของกองทุนปฏิรูปพลังงานไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนก็อดจิของ ปตท.’ ต่อมาทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ได้ขอยื่นอุทธรณ์อีกครั้งนั้น
วันนี้ (26 มิถุนายน พ.ศ. 2561) เวลาประมาณ 09.30 น. ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิ มพบ. นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา อดีตหัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มพบ. นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ เหรัญญิก มพบ. และนางสาวรสนา โตสิตระกูล ในฐานะจำเลยที่ 2 3 4 และ 5 ตามลำดับ ในคดีเสื้อลาย 'คายมาจิ' ของกองทุนปฏิรูปพลังงานที่ถูกอ้างว่ามีการลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงมาจากตัวการ์ตูนก็อดจิของ ปตท. พร้อมด้วยทนายความเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าร่วมฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องเช่นเดียวกับ
ศาลชั้นต้น
นางสาวรสนา โตสิตระกูล หนึ่งในจำเลยคดี 'เสื้อลายคายมาจิ'
นางสาวรสนา โตสิตระกูล หนึ่งในจำเลยคดี 'เสื้อลายคายมาจิ' กล่าวว่า สิ่งที่ศาลตัดสินให้ยกฟ้องทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ประชาชนทำเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของสังคม เนื่องจากรูปตัวคายมาจิที่ทำขึ้นมาเป็นเรื่องเส้นทางพลังงานของประเทศไทยที่ประชาชนต้องการสื่อสารถึงการที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารมักไม่ได้ใส่ใจนโยบายเรื่องพลังงานที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ทำให้ประชาชนเหมือนกับสำนวน ‘หนีเสือปะจระเข้’ มาโดยตลอด
“การสื่อสารผ่านลายบนเสื้อที่สะท้อนความเป็นจริงดังกล่าวทำให้คนเหล่านั้นเกิดปัญหา และเมื่อเขาเกิดปัญหา ทำให้เขาต้องหาหนทางฟ้องประชาชนเพื่อที่จะทำให้เสียเวลาให้ยุ่งยากมากยิ่งขึ้น หากเกิดการฟ้องร้องในลักษณะนี้ที่ต่างประเทศจะเรียกว่า การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน (Strategic Lawsuit Against Public Participation) คือ การฟ้องเพื่อจะปิดปากของคนที่มีกำลังเงินและกำลังอำนาจ แต่กฎหมายในประเทศไทยนั้นยังไม่มีกระบวนการที่คอยจัดการกับคนเหล่านี้ เนื่องจากจะต้องผ่านกระบวนการต่อสู้หลายขั้นตอนกว่าที่จะมีกฎหมายป้องกันเช่นในต่างประเทศได้” นางสาวรสนากล่าว
ภาพประกอบข่าวจาก ASTV ผูัจัดการ