ใครก็อยากให้ลูกเรียนเก่งเป็นเลิศ ฉลาดเป็นกรด แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าเด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่คะแนนจิตพิสัยเป็นศูนย์
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่รบเร้าให้บุญอเนก มณีธรรม ก่อตั้งโรงเรียนต้นกล้า โรงเรียนทางเลือกที่ไม่อยากเห็นเด็กแข่งกันเข้าเส้นชัยแห่งความสำเร็จ มองไปแต่หลักชัยโดยไม่มองดอกไม้ข้างทาง
"โรงเรียนไม่ใช่เพียงสถานที่กวดวิชา หรือ โรงบ่มเพาะยาพิษ ที่มุ่งแต่ให้นักเรียนที่จบการศึกษาออกมา มุ่งหวังแต่จะประสบความสำเร็จในชีวิตในแง่มุมของการสอบเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัย สอบได้คณะยอดฮิตเท่านั้น ถ้าหากนักเรียนเป็นคนเก่งอย่างเดียว แต่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมก็จะเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนทำร้ายสังคม จึงมีผลวิจัยออกมาว่า 80% ของเด็กไทยไม่มีขีดความสามารถอยู่รอดในศตวรรษหน้า"
คำประกาศเสียงดังของบุญอเนก แล้วโรงเรียนที่ดี โรงเรียนในอุดมคติต้องมีรูปร่างหน้าตา และบุคลิกอย่างไร
โรงเรียนทางเลือกของเขาออกแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับพัฒนาการและสภาวะของผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนั้นต้องไม่ย่างก้าวสู่ค่านิยมและความคิดที่ผิดๆ
ไม่ว่าจะเรื่องการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นแต่การเรียนไวยากรณ์ แต่เด็กเรียนไป 10 กว่าปีกลับไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ หรือการลงโทษนักเรียนของครูยามเมื่อนักเรียนตอบคำถามหรือทำการบ้านไม่ได้ เอาแต่ตำหนิ แต่ไม่มีคำชื่นชม หรือ คำพูดในเชิงบวกเพื่อเติมกำลังใจให้กับนักเรียนเลย
เขาบอกว่า พ่อแม่จึงต้องเข้าถึงหัวใจของการเลี้ยงลูก ต้องเอาเด็กเป็นที่ตั้ง หาใช่ผู้ปกครองเป็นที่ตั้ง และเสริมสร้างความสามารถตามความถนัดของลูกๆ ส่วนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษามีหน้าที่เปลี่ยนเป้าหมายการเรียนเสียใหม่ และจัดการสอนที่สอดรับกัน โดยเน้นการยกระดับความคิด จิตใจ เอาความรู้เป็นเครื่องมือกระตุ้นการใฝ่รู้ และแสวงหา เพื่อการอยู่ร่วมอย่างสันติ เข้าใจกัน และเคารพซึ่งกันและกัน
นั่นเป็นเหตุให้พ่อแม่ที่มีโลกทัศน์กว้างไกลหลายคนหันเหความสนใจเก่าๆ และเฟ้นหา "โรงเรียนทางเลือก" กันมากขึ้น
ในเมื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ช้อก้องโลกยังพูดว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" โรงเรียนต้นกล้า หนึ่งในบรรดาโรงเรียนสไตล์การสอนแบบใหม่ 2-3 แห่งในเชียงใหม่ ก็กล้านำเสนอตัวเองเป็นทางเลือกปูทางสำหรับไอน์สไตน์จิ๋ว
หลักสูตรแนวคิดบูรณาการ ผสมผสานทั้งศาสตร์ของตะวันออกและตะวันตก ของโรงเรียนต้นกล้าถูกประยุกต์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมบ้านเรา ทั้งบุคลิกภาพ ความต้องการ คุณลักษณะและเหมาะกับวัยของเด็กไทย พร้อมกับคอยประเมินความถนัดตามแนวคิด และวางแผนร่วมกับผู้ปกครองเพื่อส่งเสริมความถนัดเป็นรายบุคคล พร้อมดึงกระบวนการเรียนสอนแบบโครงการ (Project Approach) เข้ามาใช้เพื่อฝึกฝนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ เรียนภาษาแบบองค์รวม (Whole Language)
"การสอนแบบโครงการเพื่อเรียนรู้ทั้งกระบวนการ จะทำให้เด็กเข้าใจได้กว้างและลึกกว่าเก่า เช่น วิชาการทำอาหาร เด็กๆ จะเข้าใจประเภท และลักษณะของอาหารที่รับประทานได้ มีกิจกรรมการเรียนรู้เพาะปลูกพืชเบื้องต้น การทำอาหารในรูปแบบต่างๆ การแปรรูปอาหาร การเปลี่ยนสถานะของอาหารจากสิ่งหนึ่งไปสู่สิ่งหนึ่ง เพื่อฝึกฝนการทำงานเป็นทีม และรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่ทำ"
โรงเรียนทางเลือกในแบบฉบับของเขาจะแบ่งเป็นกิจกรรมบ่มเพาะจินตนาการและความสุข ฝึกการเรียนรู้ประจำวันที่มุ่งพัฒนา ความสงบ ความมีสติ ความเบิกบาน ความอ่อนโยน สุนทรียภาพในจิตใจ เพื่อสร้างพื้นฐานที่มั่นคง กับกิจกรรมบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งจินตนาการ มุ่งส่งเสริมประสบการณ์ในการเรียนรู้ เกิดความคิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ และจินตนาการที่กว้างไกล
เมื่อทางเลือกแบบเดิมมีปัญหา ทางเลือกใหม่น่าจะดีกว่า และถ้าเด็กอยากมาโรงเรียนมากกว่าอยากไปห้าง นั่นคือดัชนีชี้วัดสำเร็จโรงเรียนทางเลือกของ "โรงเรียนต้นกล้า"
นอกจากเราจะใช้วิธีการแบบสากลเพื่อ "ปั้นเด็กไทย" ให้มีความสามารถในการแข่งขันและอยู่รอดในเวทีโลกแล้ว ยังมีอีกแนวทางหนึ่งที่ฮิตฮอตไม่แพ้กันแถมยังอินเทรนด์อีกด้วย นั่นคือการใช้วิถีพุทธมาประยุกต์เป็นแบบเรียน
เมื่อสังคมเรียกร้องหาคนเก่งและคนดีในคนเดียวกัน พร้อมสู้กับความอยุติธรรมในสังคม หลายคนเชื่อว่าระบบการศึกษาแนวพุทธจะตอบโจทย์นี้ได้ โรงเรียนต้นกล้าจึงต้องปลูกฝังรากแก้วแห่งธรรมะให้น้องหนูตั้งแต่เริ่มวัยเรียน
เช่นเดียวกับ โรงเรียนสยามสามไตร หรืออนุบาลหนูน้อย หนึ่งในโรงเรียนวิถีพุทธทั้งหมดที่บรรจุไตรสิกขา แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาเป็นยอดชฎา อาศัยพุทธวิธีการสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นหลักสูตร โดยจะผสมผสานหลักปฏิบัติธรรมกับวิถีการดำรงชีวิตแบบไทย ศึกษาให้รู้จักตนเอง ฝึกควบคุมตน เพื่อนำชีวิตที่ดี
พร้อมกับมีวินัยกำกับตน ฝืนตนและฝึกตนในการศึกษา ฝึกจิตให้เข้มแข็ง ควบคุมตนเองได้ทั้งภายในและภายนอก ขณะเดียวกันก็ต้องคงแก่เล่น คงแก่เรียน ทำงานและเข้าสังคมได้ อย่างมีความสุข
"ลบภาพการนั่งเรียนวิชาพระพุทธศาสนาออกจากความทรงจำเสียก่อน เพราะเด็กจะเรียนรู้วิถีพุทธผ่านการสอดแทรกในชีวิตประจำวัน ไม่ตึงเครียด พวกเขาจะซึมซับอย่างเป็นธรรมชาติ ธรรมะก็คือธรรมชาติ เพียงแต่ต้องย่อยและสังเคราะห์ให้เด็กเข้าใจและยอมรับได้ง่าย"
อนินทิตา โปษะกฤษณะ เจ้าของโรงเรียนสยามสามไตร บอกว่าพ่อแม่บางคนโอบอุ้มลูกไว้ในสำลี ทำให้เด็กแก้ปัญหาไม่เป็น แต่เมื่อให้พวกเขาเผชิญด้วยอาวุธทางพุทธ เด็กจะเรียนรู้ถูกผิด รู้จักตัวเอง สิ่งรอบตัว และมีจริยธรรม วิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง พวกเขาก็จะดำรงชีวิตได้อย่างเป็นสุข
นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 30/4/52
คุมเข้มสินค้าไร้ตรามอก.
นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ในช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น อาทิ ผ่านทางอีเมล์ ผ่านทางเว็บไซต์ของ สมอ.เอง และข้อร้องเรียนมาจากชาวบ้านในต่างจังหวัด ทำให้เห็นว่าประชาชนเริ่มใส่ใจคุณภาพของสินค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น เมื่อ สมอ.รับเรื่องร้องเรียนจะเร่งสืบสวนหาสาเหตุข้อเท็จจริง หากเป็นเรื่องอยู่ในขอบข่ายความรับผิดชอบของ สมอ.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ณ จุดที่ได้รับร้องเรียน เพื่อหาสาเหตุเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และหาแนวทางในการแก้ไขและขยายผลในแหล่งผลิตต่อไป หากพบว่าฝ่าฝืนพ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ยังมีการร้องขอจากผู้บริโภคให้ออก มอก.ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยมากขึ้น อาทิ เครื่องทำน้ำเย็น ปากกาลูกลื่น พลาสติกสัมผัสอาหาร ซึ่งขณะนี้พบว่าเป็นสินค้าจีนมากขึ้น ผู้บริโภควิตกว่าหมึกในปากกาลูกลื่นจะมีสารโลหะหนักผสมอยู่ โดยขณะนี้ สมอ.อยู่ระหว่างการดำเนินการให้
ข้อมูลจาก นสพ.ข่าวสด
20/4/52
เกษตรฯปัดข้าวไทยปนเปื้อนจีเอ็มโอ
เกษตรฯ ปัดข้าวไทยปนเปื้อนจีเอ็มโอ หลังจากอียูกล่าวหา เส้นก๋วยเตี๋ยวผลิตจากข้าวปนเปื้อนจีเอ็มโอ ยันสุ่มตรวจวัตถุดิบแล้วไม่พบ
นายวิชา ธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป หรืออียู แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อียู ได้ตรวจพบการปนเปื้อนจีเอ็มโอของข้าวที่ มีการดัดแปลงพันธุกรรม สายพันธุ์ Bt63 ในเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นำเข้าจากไทย กรมจึงเร่งตรวจสอบไปยังบริษัท ไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกเส้นก๋วยเตี๋ยวดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวคือ ปลายข้าวและข้าวหัก ซึ่งบริษัทฯซื้อจากโรงสีในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและเพชรบุรี กรมได้ออกไปสุ่มเก็บตัวอย่างวัตถุดิบมาตรวจวิเคราะห์ ซึ่งผลตรวจไม่พบการปนเปื้อน
นอกจากนี้ห้องปฏิบัติการของกรมยังตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง สินค้าเส้นก๋วยเตี๋ยวล็อตที่มีปัญหาและส่งไปอียู ก็ไม่พบการปนเปื้อน จีเอ็มโอ ตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามกรมจะลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีนี้อย่างใกล้ชิด และตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนซ้ำอีกครั้ง หลังบริษัทเรียกสินค้าคืน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็ว และป้องกันผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้ารวมถึงการส่งออกข้าวของไทยอีกด้วย
“ที่ผ่านมา กรมได้เฝ้าระวังข้าวไทยปนเปื้อนจีเอ็มโอต่อเนื่อง โดยติดตามข้าวที่ปลูกภายในประเทศโดยเฉพาะข้าว Bt63 ซึ่งสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพร่วมกับสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร และกรมการข้าว สุ่มเก็บตัวอย่างทั้ง ข้าวสารและข้าวเปลือก จากบริษัท ร้านค้า โรงสีและแปลงเกษตรกรตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศมาตรวจวิเคราะห์ พบว่า ไม่เคยมีการปนเปื้อนข้าวจีเอ็มโอในข้าวไทย” นายวิชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลขณะนี้ คือ ญี่ปุ่น มีออเดอร์นำเข้าเส้นก๋วยเตี๋ยวจากไทยจำนวนมาก ได้กำหนดมาตรการตรวจสอบการนำเข้าเส้นก๋วยเตี๋ยวจากไทยเข้มงวด โดยก่อนส่งออกต้องตรวจสอบวัตถุดิบที่ผลิต และต้องมีข้อมูลยืนยันว่าไม่ปนเปื้อนจีเอ็มโอ จึงจะให้นำเข้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออก ข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย
ทั้งนี้ ข้าว Bt63 เป็นข้าวที่มีแหล่งกำเนิดจาก จีน ที่มีการทดลองปลูกข้าว GM ในสภาพไร่นา ซึ่ง ช่วงทดลองเกษตรกรเก็บเมล็ดข้าว Bt63 ไปปลูกต่อ ทำให้ข้าว GM แพร่กระจายไปสู่แปลงเกษตรกรมากขึ้น ขณะที่ อียูตรวจพบข้าว Bt63 ครั้งแรกจากผลิตภัณฑ์ข้าวของจีน และมีมาตรการเข้มงวดเพราะถือว่ายังไม่ผ่านขบวนการความปลอดภัยทางชีวภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์