ปชช.กว่า 400 จี้ผู้ว่ากทม.ยกระดับศูนย์สาธารณสุขสู่รพ.ชุมชนลดการแออัด พร้อมผลักให้มีการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค
วันที่ 19 ต.ค. 58) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนเขตพื้นที่ กทม. และคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน พร้อมด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขและประชาชนในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครกว่า 400 คน รวมตัวกันยื่นข้อเสนอต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้มีการยกระดับศูนย์สาธารณสุขที่มีความพร้อมให้เป็นโรงพยาบาลชุมชนในทุกเขต ให้มีกองทุนส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในพื้นที่ กทม. อย่างแท้จริงและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนกทม. พร้อมดูแลประชาชนที่ไม่มีเลข 13 หลักหรือไม่สามารถยืนยันสิทธิได้
นางชุลีพร ด้วงฉิม กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ซึ่งอาศัยในเขตพื้นที่คลองสามวาสะท้อนปัญหาว่า กทม.ยังไม่มีกองทุนส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคระดับพื้นที่ ที่เป็นการสมทบงบประมาณเหมาจ่าย 45 บาทต่อหัวประชากร สมทบร่วมกับท้องถิ่น และบริหารโดยคณะกรรมการกองทุนฯ มีกลไกกรรมการที่มีส่วนร่วมจากทุกภาพส่วน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค
“น่าเสียดายว่ากว่า 10 ปีที่มีกองทุนฯ ที่ปัจจุบันครอบคลุมแล้วในทุกพื้นที่กว่า 4 พันกองทุน กทม.เป็นพื้นที่เดียวที่ยังไม่มีกองทุนฯมาทำงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้คน กทม.” นางชุลีพร กล่าว
นายณัชพล เกิดเกษม จากเขตลาดกระบัง กล่าวว่า เขตลาดกระบังเป็นพื้นที่ขยายและมีคนต่างด้าวอาศัยอยู่มาก แต่มีโรงพยาบาลรองรับน้อย ควรยกระดับศูนย์สาธารณสุขให้เป็นโรงพยาบาล ซึ่งศูนย์สาธารณสุขบางที่ก็เป็นปฐมภูมิบางที่ก็ไม่เป็นปฐมภูมิ
“เราคนไทยในกรุงเทพมหานครเองเราขาดโอกาส เรื่องสปสช.ที่เป็นเรื่องใกล้บ้านใกล้ใจ จริงๆ มันไม่จริง เราอยู่ลาดกระบังต้องไปรักษาถึงคลองตัน มันไม่ใช่ มันไม่สามารถดูแลได้อย่างถ้วงทัน อาจตายก่อนกลางทางได้” นายณัชพล กล่าว
นายชูชาติ สุกันต์ เขตธนบุรีเหนือ กล่าวถึงกรณีการถูกย้ายสิทธิจากเดิมในพื้นที่ไปอยู่โรงพยาบาลที่ไกลจากบ้าน “คนฝั่งธนส่วนมากโดนย้ายสิทธจากบางพลัดโดนย้ายสิทธิไปอยู่เกือบนครชัยศรี ตอนย้ายสิทธิศูนย์สธ.ใกล้บ้านก็มี ทำไมไม่ทำแบบวชิระพยาบาล ให้อยู่รพ.ใกล้ใจ ให้ดูจากทะเบียนราษฎร์”
นายธเนศร์ จรโนทัย แกนนำคนไร้บ้าน และเครือข่ายสลัมสี่ภาค กล่าวว่า คนไร้บ้านส่วนใหญ่เขาเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและหลักประกันสุขภาพ เพราะขาดการติดต่อกับทะเบียนทำให้ไร้สถานะทางทะเบียนและทำให้ยากต่อการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เพราะว่าแสดงเลข 13 หลักไม่ได้
“เสนอช่องทางอาจจะเป็นอนามัยสักที่หนึ่งสักแห่งหนึ่งหรือโรงพยาบาลของกทม.ที่จะเปิดช่องทางให้คนที่ไม่มีเลข 13 หลัก เสนอไปหลายที่แต่รอ ในทางปฏิบัติเรายาก และพี่น้องส่วนใหญ่ไม่อยากจะไป ซักถามมากก็ไปนอนตายข้างถนนดีกว่า” ตัวแทนคนไร้บ้านกล่าว
นายสมชาย กระจ่างแสง อนุกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน ด้านบริการสุขภาพ (คอบช.ด้านบริการสุขภาพ) กล่าวว่า จากการติดตามเรื่องสุขภาพพบว่าคนกรุงเทพฯ เข้าไม่ถึงหน่วยบริการ กรุงเทพฯเป็นเมืองใหญ่แต่ไม่มีหน่วยบริการใกล้บ้าน จึงเสนอให้กทม.เพิ่มหน่วยบริการใกล้บ้าน หรือทำให้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นโรงพยาบาลชุมชน และงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคที่หายไป ขอให้กรุงเทพมหานครทำเสียที
“เสียงตอบรับจากรองผู้ว่ายังไม่ดี เพราะติดระเบียบความเป็นกรุงเทพมหานคร แต่ที่สำคัญคือกทม.จะยังไง เพราะหากทำจริงกทม.ต้องร่วมสมทบกับสปสช. เราต้องกระตุ้นเรื่อยๆ โดยมีตัวอย่างให้ดู กลัวกทม.เอาไปทำเองซะหน่อย ซึ่งนี่คือการมีส่วนร่วมของชุมชน” คอบช.ด้านบริการสุขภาพกล่าว
ด้าน ดร.ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าขณะนี้กรุงเทพมหานครมีนโยบายให้ศูนย์สาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่กทม.ทำเป็นซุปเปอร์คลินิกเพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาล ในการยกระดับศูนย์สาธารณสุขเป็นโรงพยาบาลชุมชนนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเพดานในการใช้งบประมาณไม่เกิน 40% ในการบริหารจัดการบุคลากร
“ไม่ใช่ทุกศูนย์จะทำได้ เราทำได้บางศูนย์ ไม่ใช่ทุกศูนย์ที่ทำได้เพราะที่ไม่ใช่ของเรา เกิน 20-30 ศูนย์ไม่ใช่ที่ของเรา” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
รองผู้ว่า กทม. กล่าวต่อไปว่าได้มีการการสร้างชุมชนสุขภาวะยั่งยืนว่าได้ร่วมกับชุมชน 50 ชุมชนต้นแบบจาก 50 เขตโดยให้คนในชุมชนช่วยกันคิดมองปัญหาในชุมชน โดยกทม.จะจัดสรรเงินส่วนหนึ่ง
นางวันทนีย์ วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวความต่างระหว่างรพ.สต.กับ ศูนย์บริการสาธารณสุขว่า รพ.สต.มีเพียง นักวิชาการ พยาบาล เจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม.มีครบทุกวิชาการที่ให้บริการ
“ภายใต้ข้อจำกัดมีหมอ 1-3 คน พยาบาล 5-6 คน การเป็นโรงพยาบาลต้องมีมากกว่านี้ ในข้อเท็จจริงของการดูแลสุขภาพ 70% ของประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพสามารถดูแลได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข” ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าว
ทางด้าน นายนิมิตร เทียนอุดม ประธานมูลลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นแผนระยะยาวของกทม. และขอปฏิเสธซุปเปอร์คลินิก แต่ต้องการให้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นเหมือนโรงพยาบาลชุมชน
“คุณไม่ต้องสร้าง 400 เตียงไว้ไม่กี่แห่งหรอก แต่ขอให้มีศูนย์สาธารณสุขอยู่ทุกเขต” ประธานมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวทิ้งท้าย