นายธนพลธ์ ดอกแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ป่วย Healthy Forum ให้ความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายชุดที่ รมว.สาธารณสุขเป็นผู้แต่งตั้งนั้น มีหลายประเด็นที่จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ คือ
1. การปรับแก้ไม่ให้มีการจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้องค์กรเอกชนเพื่อมีส่วนร่วมในการจัดบริการสาธารณสุข ตรงนี้มีบางกลุ่มเข้าใจผิดว่าเป็นการจ่ายเงินให้เอ็นจีโอ และให้ข้อมูลมั่วว่า ที่ออกมาโวยวายเป็นเพราะเอ็นจีโอเสียประโยชน์ ซึ่งแสดงถึงความไม่รู้เรื่อง และมีความคิดคับแคบว่าการจัดบริการสาธารณสุขเป็นเรื่องของโรงพยาบาลและบุคลากรสาธารณสุขเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว องค์การอนามัยโลกส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามาร่วมจัดบริการสาธารณสุขด้วย เพราะเล็งเห็นประโยชน์สำคัญว่า สุขภาพเป็นเรื่องของประชาชน ผู้ป่วยและผู้ให้บริการต้องมีส่วนร่วม ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงจะมีประสิทธิภาพ ที่เห็นชัดเจนคือการที่ไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่ได้รับรางวัลความร่วมมือจัดบริการเอดส์ระหว่างเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีและภาครัฐ และเป็นต้นแบบที่หลายประเทศทำตาม
“สุขภาพเป็นเรื่องของประชาชน กฎหมายหลักประกันสุขภาพของเดิมส่งเสริมตรงนี้ และทำได้ดีด้วย เกิดการทำงานเป็นรูปธรรม คือ เครือข่ายผู้ป่วยที่ร่วมมือกับภาครัฐ ทำให้งานรักษาโรคและป้องกันเดินหน้าได้ดี แต่มีคนบางกลุ่มเข้าใจผิดและเอาไปบิดเบือน ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้เรื่องสุขภาพอยู่ในมือรัฐอย่างเดียว แบบนี้ทำไม่ถูก ถ้ายังยืนยันว่าจะแก้ตามนี้ ไม่ฟังเสียท้วงติงจากประชาชน ประสิทธิภาพการให้บริการถดถอยลงแน่นอน”
นายธนพลธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือการปรับสัดส่วนบอร์ดบัตรทองและบอร์ดควบคุมคุณภาพ เพิ่มตัวแทนผู้ให้บริการมากขึ้น ทำให้บอร์ดกลายเป็นตัวแทนผู้ให้บริการ ขณะที่ฝั่งตัวแทนประชาชนมีน้อยกว่า เป็นสัดส่วนบอร์ดที่ไม่สมดุลกัน ขัดเจตนารมณ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าชัดเจน หากสัดส่วนบอร์ดเป็นตามนี้จะเกิดเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนในส่วนผู้ให้บริการ การพิจารณาต่างๆ ก็ยึดอยู่ในฐานคิดว่าหน่วยบริการจะต้องไม่เสียประโยชน์ ถ้าหน่วยบริการไม่เสียประโยชน์ก็เท่ากับว่าประชาชนเสียประโยชน์แทน ทั้งที่งบประมาณที่ใช้มาจากภาษีประชาชนเพื่อให้รัฐจัดบริการสาธารณะที่ดีให้ประชาชน
นายธนพลธ์ กล่าวว่า อีกข้อที่คณะกรรมการแก้ไขกฎหมายบัตรทองชุดนี้จงใจละเลยไม่ดำเนินการ คือ แก้กฎหมายให้ สปสช.สามารถทำหน้าที่จัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ได้ เรื่องนี้ประหลาดมาก สตง. และ คตร.ที่ก่อนหน้านี้ตรวจสอบ สปสช.เรื่องการจัดซื้อยาก็บอกเองว่าเป็นการดำเนินการที่มีประโยชน์ แต่กฎหมายไม่ให้อำนาจทำได้ จนภายหลัง คตร.ต้องออกหนังสือให้ สปสช.ทำได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบผู้ป่วยที่เคยได้รับยา ในเมื่อแก้ไขกฎหมายก็ควรจะเดินหน้าเรื่องนี้ เพราะผู้ป่วยได้ประโยชน์จริงๆ แต่กลับไม่ทำ
“หน่วยงานรัฐพูดซ้ำๆ ย้ำๆ ว่าประชาชนไม่เสียประโยชน์แน่ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ชัดเจน เราส่งเสียงเพื่อให้พวกท่านแก้ไข แต่ก็ยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม แบบนี้จะให้เชื่อใจได้อย่างไร แล้วหน่วยงานตรวจสอบก็ประหลาดมาก เรื่องที่มีประโยชน์ แม้กฎหมายไม่ได้บอกชัดเจนให้ทำได้ ก็เป็นเรื่องที่ควรทำเพื่อประชาชนและทำถูกตามระเบียบทุกอย่าง แต่กลับเป็นว่าถ้ากฎหมายไม่ให้ทำ ก็ไม่ต้องทำ ทั้งๆ ที่พิสูจน์ชัดเจนว่ามีประโยชน์ เมื่อแก้กฎหมายก็ยังไม่แก้เรื่องนี้อีก ทุกอย่างมันชัดเจนว่าแก้กฎหมายบัตรทองครั้งนี้ลิดรอนสิทธิประชาชนอย่างมาก” นายธนพลธ์ กล่าว
....................