เมื่อวันที่ 25 มีค. เวลา 14.00 น. ห้องประชุมบ.ขนส่ง จำกัด กลุ่มผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียหายกว่า 40 ราย เข้าพบนายนพรัตน์ การุณยวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เพื่อติดตามการเยียวยาความเสียหาย ให้กับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บจากรถโดยสารของบริษัทอินทราทัวร์พลิกคว่ำข้างทาง
บริเวณถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 63+900 หมู่ 7 ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 30 พย. 2558 ซึ่งบริษัทไม่แสดงความรับผิดชอบ แม้ผู้โดยสารจะติดต่อไปแล้วก็ตาม
นายสุวัฒน์ พลบูรณ์ ผู้โดยสารผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าตนได้รับบาดเจ็บตรงสะโพกขวาร้าว ต้องผ่าตัดดามใช้เวลารักษากว่า 3 เดือนเคยโทรติดต่อเจ้าหน้าที่บริษัทอินทราทัวร์เรื่องเยียวยาความเสียหาย เจ้าหน้าที่รับปากแต่ไม่เคยดำเนินการให้
“ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับผม ตอนนี้เวลาเดินจะเสียวตรงขาขวาร้าวถึงสะโพกยืนนานไม่ได้ งานที่ทำอยู่ต้องหยุดไม่สามารถทำต่อได้ แถมยังเป็นภาระให้กับภรรยาต้องดูแล ค่าเสียหายที่ผมเรียกไป ประมาณ 1.3 ล้าน ถือว่าเป็นเงินชดเชยที่ผมไม่สามารถทำงานได้ตลอดชีวิต” นายสุวัฒน์กล่าว
นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถคันเกิดเหตุว่า เป็นรถที่ถูกสวมทะเบียนแล้วนำมาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ทำให้บริษัทประกันภัยปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ปัญหาของผู้บริโภคคือไม่มีใครรับผิดชอบเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
“หลังจากที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคแล้ว ได้ดำนินการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทอินทราทัวร์ และบ.ขนส่ง จำกัด เพื่อให้เยียวยาความเสียหายแต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด รวมถึงปัญหาการนำรถที่สวมทะเบียนมาวิ่ง ก็ยังไม่มีการแก้ไข จึงอยากให้ บขส. ดำเนินการเด็ดขาดกับบริษัทฯดังกล่าวเพื่อไม่เป็นแบบอย่างให้กับบริษัทอื่นอีก และหลังจากนี้ทางมูลนิธิฯ จะทำหนังสือยื่นถึงรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเพื่อให้ตรวจสอบและแก้ไขกรณีบริษัทฯนำรถถูกสวมทะเบียนวิ่งรับส่งผู้โดยสาร” หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคกล่าว
ด้านนายนพรัตน์ ได้กล่าวว่าทางขนส่งไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการตรวจสอบและติดตามการเยียวยาความเสียหายให้กับผู้บริโภคแต่อาจจะ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
“ในส่วนการแก้ไขปัญหาขั้นต้น ทางบขส. ได้สั่งยกเลิกสัญญากับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุไปแล้ว ส่วนอีก 6 คันที่เหลืออยู่ในขั้นตอนดำเนินการตรวจสอบว่ามีการเยียวยาความเสียหายให้กับ ผู้เสียหายภายใน 7 วันหรือไม่ หากไม่ดำเนินการจะมีผลให้มีการยกเลิกสัญญาเช่นกัน เนื่องจากเป็นลักษณะคู่สัญญารถร่วมกับ บขส. เป็นภาพลักษณ์ของ บขส. เมื่อผู้โดยสารมาใช้บริการรถ บขส.หรือรถร่วมแล้ว เกิดความเสียหายขึ้นทางบริษัทฯจะต้องดำเนินการชดเชยความเสียหายแก่ผู้บริโภค ไม่ใช่ผ่านไปแล้ว 3 เดือนยังไม่มีการดำเนินการใดๆ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารเดินรถกล่าว
ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนได้ยื่นคำร้องขอให้ทางบริษัทขนส่งจำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวดังนี้
1. ขอให้เรียกเจ้าของบริษัทฯ มารับผิดชอบความเสียหายภายใน 7 วัน
2. หากไม่สามารถดำเนินการในข้อ (1) ได้ กลุ่มผู้เสียหายใคร่ขอความอนุเคราะห์ให้บริษัทขนส่งจำกัด พิจารณารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนแล้วค่อยไปไล่เบี้ยฟ้องเรียกร้องคืนจากบริษัทฯ เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้ที่เดือดร้อนทุกราย
3. ขอให้บริษัท ขนส่ง จำกัด เพิกถอนใบอนุญาตร่วม ของบริษัท อินทราทัวร์ จำกัด
และขอแจ้งไปยังผู้เสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หากใครยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือการช่วยเหลือใดๆ ให้ติดต่อกลับมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 02-2483737 หรือนายปฏิภาณ รักสุจริตกุล ฝ่ายนิติกร บ.ขนส่ง จำกัด 081-8228843