ร้องสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอให้ตรวจสอบ การแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินว่าถูกต้องครบถ้วน ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ขอให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มาตรา 44 เพื่อให้สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้ตกเป็นของบริษัทเอกชน โดยมิชอบ กลับคืนมาเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน
วันนี้ (2 เม.ย.58) ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สภาปฏิรูปแห่งชาติ นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สาขาพลังงาน นางสาวบุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และอดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งกลุ่มประชาชนในนามเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส
เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดี หมายเลขแดงที่ ฟ.35/250 หรือไม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 มาตรา 39 (จ) โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และผู้มีรายนามข้างต้น ขอเสนอประเด็นและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตรวจสอบดังนี้
1. ประเด็นเกี่ยวกับโครงการท่อเส้นที่ 3 มีการวางท่อในทะเลซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งเป็นการใช้อำนาจมหาชนของรัฐมาตั้งแต่ยังเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และเป็นทรัพย์สินที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะต้องส่งมอบให้แก่ กระทรวงการคลังหรือไม่
2. ประเด็นเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ปลัดกระทรวงพลังงาน และอธิบดี กรมธนารักษ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่และมีคำสั่งเกี่ยวกับแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นการทำหน้าที่โดยชอบหรือไม่และมีผลต่อการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และมติคณะรัฐมนตรี หรือไม่เพียงใด
3. เนื่องจากประชาชนคณะหนึ่งได้ร้องเรียนเรื่อง ข้าราชกานการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและประมวลจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 มาตรา 279 ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้อง ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนมีความเห็นและข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่ากรณีท่อก๊าซนั้น ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในจำนวนที่เราตรวจสอบมาแล้วนั้น อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่จะตีความให้ชัดเจนลงไปกับเรื่องที่ดำเนินการมาทั้งหมดเพื่อหาข้อยุติ ระหว่างนี้ทาง สตง.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะนำข้อมูลที่ทางทีมนำมาไปประกอบการตรวจสอบและดำเนินการคู่ขนานกับพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบและจะให้ความเป็นธรรมอย่างยิ่งกับประชาชน