เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงและครือข่ายผู้บริโภค จี้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายหยุดเลื่อนการแบน ‘พาราควอต’ และ ‘คลอร์ไพริฟอส’
หลังจากมีกระแสข่าวว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมการจะหารือเพื่อเลื่อนการแบนสารพิษกำจัดศัตรูพืช 2 ชนิด ได้แก่พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสออกไป จากวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ออกไปเป็นสิ้นปี 2563 นั้น
วันนี้ (28เมษายน 2563) ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงาน เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN : Thailand Pesticide Alert Network) ร่วมกับเครือข่ายผู้บริโภค เป็นตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง เดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อคัดค้านการเลื่อนการแบนสารพิษดังกล่าว โดยมีนางรัตนา รักษ์ตระกูล ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้มารับมอบหนังสือแทน
ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงาน Thai-PAN ระบุว่า เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง ได้ติดตามการพิจารณาควบคุมการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2563 ได้ปรากฎข่าวที่อ้างถึงหนังสือเลขที่ สค.065/2563 จากนายกลินท์ สารสิน เพื่อขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศในการกำหนดให้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จาก 1 มิถุนายน 2563 เป็น 31 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะสิ้นสุดลง ทั้งยังมีผู้ประกอบการธุรกิจเคมีเกษตรติดตามการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียน ใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย และการต่ออายุวัตถุอันตรายพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตนั้น เครือข่ายฯ เห็นว่า
1) ข้ออ้างของนายกลินท์ สารสินให้ขยายเวลาการแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสออกไปเป็นปลายปี 2563 โดยกังวลเรื่องการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้ง 2 ขนิดในผลผลิตที่นำเข้าแล้วจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกแบนพาราควอตมากว่าทศวรรษ สหภาพยุโรปประกาศแบนคลอร์ไพริฟอสตั้งแต่วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ 2563 หรือเวียดนามซึ่งแบนพาราควอตเมื่อปี 2560 และแบนคลอร์ไพริฟอสเมื่อต้นปี 2562 เป็นต้น ไม่มีประเทศใดอ้างปัญหาการตกค้างจนส่งผลกระทบต่อการผลิตและอุตสาหกรรมใดๆเลย แม้กระทั่งจดหมายของสหรัฐเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ส่งมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อคัดค้านการแบนไกลโฟเซต แต่ก็ไม่ได้คัดค้านการแบนและอ้างการตกค้างของพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสแต่ประการใด
2) ไม่เห็นด้วยกับออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียน ใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย และการต่ออายุวัตถุอันตรายเพิ่มเติมทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลหนึ่งที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ครั้งที่ 1-1/2562 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 พิจารณาเลื่อนระยะเวลาการแบนออกไปอีก 6 เดือน เป็น 1 มิถุนายน 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนสามารถจำหน่ายสต็อกสารเคมีกำจัดศัตรูพืชคงค้าง โดยรัฐบาลไม่ต้องเสียค่าทำลาย การนำเข้ามาเพิ่มเติมเป็นการกระทำที่ขัดกับมติและเจตนาของการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูงของคณะกรรมการฯทเอง และจะถูกครหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชน โดยปราศจากเหตุผลที่ชอบธรรมรองรับ
3) เครือข่ายฯ ยืนยันข้อเรียกร้อง ให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการออกประกาศกระทรวงว่าด้วยบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายและออกมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 41-9/2562 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นมติโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งลงมติให้ปรับวัตถุอันตรายพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามหนังสือเลขที่ มชว.-คตส. 013/2563 ลงวันที่ 15 เมษายน 2563
ทั้งนี้ ต้องจับตากันต่อไปว่า การประชุมในวันที่ 30 เมษายนนี้จะเป็นการฉวยโอกาสสถานการณ์ไวรัสระบาดเลื่อนเวลาการแบนออกไปหรือไม่
ดูคลิปยื่นหนังสือได้ที่นี่ : facebook LIVE เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงและเครือข่ายผู้บริโภค ยื่นหนังสือคัดค้านเลื่อนการแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส