Fake News Alert! เวทีนโยบายสาธารณะ เสนอมีองค์กรอิสระ สร้างช่องทางตรวจสอบข่าวสารบนการทำงานแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่าย

news pic 190619 fakenewsalert 1

Fake News Alert! เวทีความเห็นเรื่องนโยบายสาธารณะ เสนอมีองค์กรอิสระ สร้างช่องทางตรวจสอบข่าวสารบนการทำงานแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่าย เน้นรวดเร็ว ฉับไว เข้าถึงง่าย รัฐต้องหนุนเพื่อสร้างการตื่นรู้ในสังคม 

          จากงานเสวนา ‘International Conference on Fake News’ เพื่อแลกเปลี่ยนบทเรียนระหว่างประเทศในเรื่องการรับมือกับปัญหาข้อมูลข่าวลวงนั้น ยังมีอีกหนึ่งเวทีเสวนาที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นเวทีเสวนาที่มีการแลกเปลี่ยนและระดมความเห็นในหัวข้อ “นโยบายสาธารณะเพื่อกำกับดูแลข่าวลวงข่าวปลอมในยุคดิจิทัล” (Public Policy in Handling Mis /Disinformation in Digital Era) โดยมีผู้ให้ความเห็นอย่างกว้างขวางในประเด็นที่สอดคล้องกันว่า การสร้างพลเมืองที่ ‘ตื่นรู้’ และ ‘เท่าทัน’ ข้อมูลข่าวสาร มีความสำคัญและจำเป็น โดยรัฐบาลต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการสนับสนุนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเอื้อให้เกิดการเท่าทันดังกล่าว รัฐต้องทำให้ประชาชนเกิดความ ‘ไว้วางใจและเชื่อมั่น’ อีกทั้งมีข้อเสนอให้เกิด ‘องค์กรอิสระ’ ที่โปร่งใส เชื่อถือได้ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข่าวปลอม ข่าวลวง ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอันอาจนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังหรือใช้ความรุนแรง เป็นการทำงานบนฐานของ ‘การมีส่วนร่วม’ จากทุกฝ่ายในสังคม

          นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิฯ พบว่าขณะนี้ปัญหาจากข่าวลวงมีมากในกลุ่มของยาและสุขภาพ มีการหลอกลวงและโกงเอาเปรียบผู้บริโภค ดังนั้น ต้องมีหน่วยตรวจสอบความจริงที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมีภาคประชาสังคมเข้าไปร่วมด้วย จึงจะทำให้เกิดเป็นความร่วมมือจากหลายฝ่าย ที่สำคัญจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันประเด็นที่กระทบต่อสังคม ส่วนการที่ต่างฝ่ายต่างทำเช่นตอนนี้จะทำให้ไม่เกิดพลังมากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ต้องออกจากประเด็นของตัวเองแล้วมาทำงานร่วมกันnews pic 190619 fakenewsalert 2

          “แม้อยากจะเท่าทันข้อมูล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาแหล่งข้อมูลมาตรวจสอบข้อเท็จจริงความถูกต้อง เพราะอาจมีประเด็นที่ข้อมูลแย้งกันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อถือได้ทั้งคู่ ดังนั้น การจัดการข้อมูลที่เป็นความจริงให้ผู้บริโภครับรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น ซึ่งก็รวมถึงประเด็นทางการเมืองด้วย” นางสาวสารีกล่าว

          นางสาวสารียังตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของสื่อมวลชนซึ่งเคยเป็นที่พึ่งของสังคมว่า ปัจจุบันการทำงานของสื่อมวลชนกำลังมีปัญหา บางส่วนอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุนไปแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถนำเสนอประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ขององค์กรได้ หรือบางส่วนมีการนำเนื้อหาจากคนทั่วไปทางออนไลน์มาสร้างเป็นข่าวโดยไม่ต้องลงทุน

          ด้านดร.จิราภรณ์ วิทยศักดิ์พันธ์ อดีตคณบดีคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังขาดการส่งเสริมความเป็นพลเมืองจึงเป็นอีกบทบาทที่รัฐไทยต้องส่งเสริมเรื่องนี้ด้วย

          “รัฐไทยไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นพลเมือง ทำให้ประชาชนอ่อนแอและต้องเชื่อรัฐตลอดเวลา คนจึงขาดวิธีคิดวิพากษ์ และเลือกเชื่อเรื่องที่ใกล้กับความคิดตัวเอง เมื่อเห็นเนื้อหาที่ถูกใจ จึงกดไลค์แล้วแชร์ส่งต่อทันทีโดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง ดังนั้น กลไกที่จะทำให้เกิดฝ่ายที่ 3 จึงทำได้ยาก เพราะขาดองค์กรตรวจสอบที่เข้มแข็ง” ดร.จิราภรณ์กล่าว

          ดร.จิราภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐต้องสร้าง ต้องส่งเสริมให้มีบรรยากาศที่จะเกิดการฟูมฟักพลเมืองเหล่านี้ให้ได้มีส่วนร่วมคิดและพัฒนา ดูแลประเทศ รักษาสิทธิของตัวเองพลเมือง และความเป็นพลเมืองสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตย หากรัฐบาลไม่มีมาตรการหรือกลไกที่ส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งได้ จะเป็นเรื่องที่ยากในการต่อกรกับข่าวลวง นอกจากนี้ภาควิชาการก็ต้องร่วมสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพนี้ออกมาด้วย
news pic 190619 fakenewsalert 4

          ส่วน Audrey Tang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล ประเทศไต้หวัน กล่าวว่า การรับมือกับโลกของความขัดแย้งและข่าวลวงนั้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาจัดการคัดกรองและประมวลผล โดยต้องมีการทำงานร่วมกันจากภาคส่วนต่างๆ ที่หลากหลาย และสิ่งที่สำคัญ คือ รัฐบาลต้องเปิดกว้างเพื่อจะรับฟังความเห็นจากประชาชน และสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นให้ได้

          “สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการไม่มีข้อมูลข่าวสาร แต่ปัญหาหนึ่ง คือ ข่าวสารมากจนเกินไป แต่ในหลายๆ ครั้ง การไม่เชื่อใครเลยอาจดีกว่าการเชื่ออย่างงมงาย มืดบอด (Blind Trust is Worst Than No Trust) และสิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้น คือ ให้คนสามารถสืบค้นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ การให้ข้อเท็จจริงเพื่อแก้ข่าวนั้นต้องก็ทำอย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์” Audrey กล่าวและว่า การจัดการข่าวลวงที่ได้ผลนั้น รัฐบาลต้องเปิดกว้าง สนับสนุนและสร้างพื้นที่หรือช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข่าวสารที่ถูกต้องด้วยnews pic 190619 fakenewsalert 5

          ด้าน Mario Brandenburg ตัวแทนรัฐสภา ประเทศเยอรมนี German Bundestog (Parliament) กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ส่งเสริมให้พลเมืองได้รับข้อเท็จจริง เพราะข่าวลวงเป็นปัญหาที่เกิดในสังคมซึ่งเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การตรวจสอบข้อมูลต้องพยายามแสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงคืออะไร และจำเป็นต้องมีวัฒนธรรมของการฟังคนอื่นให้มากขึ้นด้วย

          “ไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องออกกฎหรือระเบียบที่เข้มงวดกวดขัน แต่ต้องให้เครื่องมือที่จำเป็นกับประชาชนเพื่อใช้สร้างความรู้เท่าทันสื่อ และต้องสร้างประชาธิปไตยในยุคดิจิทัลที่ยืดหยุ่น นอกจากนั้นสิ่งที่รัฐต้องทำ คือ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว” Mario กล่าว

          ขณะที่ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า การกำกับดูแลและตรวจสอบข่าวลวงนั้นทำได้หลายวิธีแต่สิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นมีอย่างน้อย 3 ประเด็น คือ 1. ต้องมีองค์กรอิสระที่เชื่อถือได้โปร่งใส เป็นฝ่ายที่ 3 (Third party) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข่าวสาร 2. ประชาชนต้องเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและกว้างขวาง 2. ทำงานบนฐานของการมีส่วนร่วมจากฝ่ายต่างๆ เป็นเครือข่ายสื่อสารมวลชนและองค์กรในสังคม ทั้งตรวจสอบนโยบายทางการเมืองและผลประโยชน์รัฐ รวมทั้งการตรวจสอบสื่อกันเองด้วย เพื่อสร้างการตระหนักแก่คนในสังคม (Public Awareness)

          “หัวใจสำคัญ คือ องค์กรแบบนี้ต้องเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้กำกับของใคร มีความโปร่งใสทุกด้าน ทั้งการหาทุนและด้านอื่นๆ โดยอาจทำงานร่วมมือกับฝ่ายวิชาการ พร้อมรายงานผลการตรวจสอบต่อสาธารณะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากสังคม” ดร.วิลาสินีกล่าว

          ดร.วิลาสินี กล่าวอีกว่า ตอนนี้องค์กรฯ กำลังจัดทำ Data System และ Data Journalism เพื่อทำเป็นระบบข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากข่าวสารต่างๆ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการดักกรองข้อมูล news pic 190619 fakenewsalert 6

          ด้านอาจารย์ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยืนยันว่า บทบาทของรัฐต้องมีหน้าที่ในการช่วยเหลือ ดูแลคนที่ถูกละเมิดสิทธิ หรือเสี่ยงอาจถูกละเมิดจากปัญหา Fake News แต่ด้านหนึ่งรัฐก็ต้องมีหน้าที่ในการคุ้มครองเสรีภาพด้วย และสองด้านนี้ต้องไม่มีสิ่งใดเหนือกว่ากัน นอกจากนี้รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชนเพื่อทำให้เท่าทันสื่อ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ประชาชนเท่าทันสื่อ รัฐจำกัดเสรีภาพได้หากจำเป็น แต่ต้องมีสัดส่วนแต่ห้ามเซ็นเซอร์ การกำกับแบบนี้ คือ กำกับช่องทางไปถึงคน เช่น วิดีโอโป๊ ไม่ใช่ไม่ให้มี แต่ต้องไม่ให้เด็กเข้าถึงได้ง่ายต่างหากหลักการ คือ ไม่กำกับเนื้อหา นี่ต่างหากที่ต้องทำ 

          “รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญว่าจะทำเรื่องใดก่อนหลังเกี่ยวกับข่าวลวง ต้องอำนวยความสะดวกเรื่องเครื่องมือและใช้เทคโนโลยีให้คนเข้าถึงช่องทางการตรวจสอบได้ง่าย สำคัญที่สุด คือ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ถูกจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็นจึงจะทำให้เกิดการตรวจสอบข่าวลวงได้” อาจารย์ฐิติรัตน์กล่าว

          อย่างไรก็ตาม อาจารย์ฐิติรัตน์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันแม้จะมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงมากขึ้น แข่งขันกันมากขึ้น แต่ต้องระวังการใช้อคติส่วนตัวไปตัดสินในประเด็นที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน จนกลายเป็นการด่วนตัดสินอีกฝ่าย ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่ตรวจสอบความเห็น

          ส่วนดร.พนา ทองมีอาคม กรรมการกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ข่าวลวงมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะหลัง เนื่องจากการขยายตัวและเติบโตของอินเทอร์เน็ตและสื่อใหม่ ดังนั้น จึงเป็นข้อจำกัดที่องค์กรกำกับดูแลไม่อาจทำงานได้ทั่วถึง จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้คนรับสารได้มีความรู้เท่าทันเพื่อป้องกันตัวเอง ต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่ายnews pic 190619 fakenewsalert 7

          ในช่วงท้ายของการเสวนา มีผู้ร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีข้อเสนอสอดคล้องกันว่า รัฐบาลควรมีบทบาทในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ตื่นรู้ เท่าทันและทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสนับสนุนให้มีเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อตรวจสอบข่าวลวงแทนการควบคุมด้วยกติกาที่เคร่งครัดจนอาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงความเห็น อีกทั้งยังมีข้อสังเกตให้มีมาตรการเพื่อดูแลผู้ตกเป็น ‘เหยื่อ’ ของข่าวลวงโดยไม่เจตนา ซึ่งการจัดการข่าวลวงนี้จะสำเร็จได้ต่อเมื่อทุกฝ่ายในสังคมทำงานร่วมกัน สร้างสังคมให้ตื่นรู้กับข่าวในระยะยาว และมีการส่งเสริมให้เกิดการ ‘เท่าทัน’ ข่าวสารในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของแพลตฟอร์ม (Platform) สื่อออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่ข่าวลวงเผยแพร่ด้วยnews pic 190619 fakenewsalert 3

Tags: ข่าวปลอม, ข่าวลวง

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน