กอร์ปศักดิ์แนะกทช.เคลียร์ปัญหาเก่าโทรคม

รองนายกฯ ออกโรงแจง หวังมี 3จีใช้ แต่กทช. ต้องคำนึงประโยชน์ประเทศ แก้ปัญหาหมักหมมในอุตฯ โทรคมยุคสัมปทาน ก่อนประมูล 3จี

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า ในฐานะกำกับดูแลอุตสาหกรรมโทรคมนาคมให้เกิดการแข่งขันเสรีเป็นธรรมนั้น กทช.ต้องแก้ไขปัญหาเดิมที่มีอยู่ในวงการโทรคมก่อน ได้แก่ เรื่องที่กฤษฏีกาตีความเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงภาษีสรรพสามิตที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน รวมถึงแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ 2 ซึ่งมีประเด็นเรื่องคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้สิ้นสุดสัมปทาน ปี 2553 ต้องไปหาแนวทางคิดร่วมกันว่า สิ้นสุดนี้ จะมีวิธีการอย่างไรไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ เพราะไม่ได้หมายความถึงการยกเลิกสัญญาสัมปทานแต่ประการใด เพราะไม่มีที่ใดในโลกทำเช่นนั้น


ประการต่อมา กทช.ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมป้องกันการไมเกรทลูกค้าจาก 2 จีไป 3 จี แม้จะมีผู้อ้างว่า ไม่ได้ทำได้ง่าย แต่ที่เขาศึกษากรณีในต่างประเทศ พบว่า สามารถทำได้ภายใน 2 ปี

ประการต่อมา กทช. ควร คำนึงถึงการออกไลเซ่นให้เหมาะสมกับอีโคโนมี ออฟ สเกล คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากคลื่นความถี่มีจำกัด และการประมูลไลเซ่นพร้อมกัน 4 ใบ ไม่ตอบสนองเรื่องดังกล่าว เพราะเมื่อเทียบกับการจ่ายสัมปทานของเอกชนให้รัฐ ทั้ง บมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทีโอที อายุสัมปทานที่เหลืออยู่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท

ขณะที่ ใบอนุญาต 3จี คาด ว่า จะประมูล 5 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อไลเซ่นเท่านั้น ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันราคา เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีค่านี้ ดังนั้น กทช. อาจทยอยออกไลเซ่นปีละ 1 หรือ 2 ใบ

"3จี จำ เป็นต้องมีเปิดให้บริการ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบ สามารถค่อยๆ พัฒนาบน 2.5 จี ได้ เพราะปัจจุบัน เราก็สามารถใช้ไวไฟ หรือดาต้าได้เร็วพอสมควร หรือแม้แต่การมูฟไปสู่ 2.75จี ก่อนไป 3จี ก็ได้ เพราะสามารถใช้ไวไฟ ไวแม็กซ์ ได้เร็ว แม้แบนด์วิธจะเร็วน้อยกว่า 3จี ทั้ง นี้ กทช.ต้องตอบให้ได้ว่าที่มาของจำนวนไลเซ่น 4 ใบ มาจากไหน ถ้าต้องการให้ทุกรายได้ไลเซ่น ก็สามารถกำหนดราคาขั้นต่ำแจกไปคนละใบให้โอเปอเรเตอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ เลย"

นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 04/11/52

พิมพ์ อีเมล