สวัสดีครับ...ท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน
เรื่องเด่นประจำสัปดาห์กลับมาประจำการเหมือนเช่นเดิม
วันนี้ในช่วงของเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องของ การชุมนุม ตอนนี้กระแสม๊อบกำลังมาแรง ครั้นจะไม่เขียนถึงก็ดูจะกระไรอยู่ นาทีนี้ทุกคนก็คอยติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด แต่ในท่ามกลางความร้อนระอุของการชุมนุมก็มีสิ่งหนึ่งทำให้อุณหภูมิความร้อนแรงลดลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้ายอดฮิตที่ขายกันหรือดาราจากช่องต่าง ๆ ที่มาร่วมชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมได้ใกล้ชิดกับดาราที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด
หลากหลายสรรพเสียงที่ดังกึกก้องในการชุมนุมแต่ละที่ โดยเฉพาะที่เวทีราชดำเนิน ทั้งเสียงนกหวีด เสียงมือตบ รวมไปถึงเสียงตะโกน ออกไป ออกไป เสียงต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตัวเชื่อมโยงเป็นอุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างชัดเจน สินค้าที่ใช้ประกอบการชุมนุมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหน เพราะมีการชุมนุมที่ใดก็จะมีพ่อค้า แม่ค้า เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสเข้ามาทำการค้าขาย ทำให้ผู้ชุมนุมหาซื้อกันได้ง่ายดายเหมือนเดินตามตลาดนัด
ในเรื่องของสนนราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด เรียกว่าทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ เช่นนกหวีด ก็เพียงอันละ 20 บาท ถ้ามีสายคล้องคอสีธงชาติก็เพิ่มขึ้นเป็น 30 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสายรัดข้อมือสีธงชาติ ผ้าโพกศีรษะ ซึ่งต่างก็ขายดิบขายดี บางเจ้าขายแทบไม่ทัน แต่มาสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นเสื้อที่มีสกรีนคำว่า ทหารของพระราชา ซึ่งได้รับคำตอบว่า ในปัจจุบันนี้ประชาชนเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว เขียนเพื่อให้ทหารกับตำรวจทั้งหลายได้ตระหนักในหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช้รับใช้ปกป้องต่อคน ๆ เดียว โดยไม่ติดถึงชาติบ้านเมืองว่าจะพินาศย่อยยับเช่นไร ฟังดูแล้วเลือดรักชาติพุ่งขึ้นมากกว่าความดันของตัวเองซะอีก ล่าสุดมีของใหม่ขึ้นมาเมื่อเสียงนกหวัดนับแสนนับล้านเป่าพร้อมกันเสียงจะดังมากอันเกิดอันตรายต่อหูได้ พ่อค้าหัวใสจึงมีที่อุดหูมาขายซึ่งราคาอยู่ที่ 20-35 บาท แล้วแต่คุณภาพ
ปกติจะเห็นการเป่ายกหวีดในการแข่งขันกีฬา เป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะกรรมการตัดสิน เป่าเพื่อที่จะหยุดการกระทำที่มันไม่ถูกต้อง มีการลงโทษให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรที่จะกระทำอีกต่อไป สำหรับกีฬามีเพียงผู้ตัดสินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป่านกหวีดซึ่งสามารถลงโทษและหยุดเกมได้ แต่การชุมนุม พรบ. นิรโทษกรรม มีประชาชนที่เป่านกหวีดเป็นแสนเป็นล้านคน ผู้ที่ทำผิดโดยทำเพื่อผลประโยชน์กับตนเองหรือครอบครัวมากกว่าทำเพื่อประเทศชาติ จะลอยนวลอยู่ได้โดยที่ไม่ถูกลงโทษก็ให้มันรู้ไปซิครับ
หลังจากร่ายยาวมานานตอนนี้เรากลับมาหาความรู้ในเรื่องของกฎหมายกันดีกว่า วันนี้จะขอนำเสนอเกี่ยวกับเครดิตบูโรในเรื่อง บันทึกข้อมูลตามจริง
กรณีสถาบันมีการโอนหรือขายหนี้เนื่องจากลูกหนี้มีหนี้สินกับทางสถาบันการเงิน เมื่อได้ผ่อนชำระระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาเกิดการค้างชำระ และค้างชำระติดต่อกันเป็นเวลานาน จนกระทั่งทางสถาบันการเงินไม่บริหารหนี้ต่อจึงได้ทำการโอนหรือขายหนี้ให้กับสำนักงานกฎหมาย หลังจากมีการขายและโอนหนี้ไปยังสำนักงานกำหมายแล้ว ก็จะรายงานสถานะข้อมูลบัญชีที่โอนเป็นศูนย์ซึ่งจะถือว่าสิ้นสุดการรายงานข้อมูลเครดิตบัญชีนี้ตามหน้าที่ของสถาบันการเงินตามที่เป็นสมาชิกอยู่
ถึงแม้ลูกหนี้ได้ทำการชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีกับทางสำนักงานกฎหมายแล้ว แต่สำนักกฎหมายไม่ใช่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร จึงไม่มีสิทธินำข้อมูลในการปิดบัญชีส่งมายังเครดิตบูโร ดังนั้นในรายงานข้อมูลยังคงสถานะต่อไป สิ่งที่ลูกหนี้ควรจะทำก็คือ เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีกับสำนักงานกฎหมายแล้วให้นำหนังสือรับรองการปิดบัญชีที่รับจากสำนักงานกฎหมายติดต่อกับทางเครดิตบูโรเพื่อบันทึกข้อมูลในระบบ โดยบันทึกไว้เหนือบัญชีแสดงข้อความว่าบัญชีนี้มีการชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่เมื่อใดกับทางสำนักงานกฎหมาย
เพราะฉะนั้นลูกหนี้ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ได้ไปขอสินเชื่ออาจเป็นเพราะว่าสถาบันการเงินแห่งนั้นได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าข้อมูลของลูกหนี้นั้นยังเป็นหนี้อยู่หรือไม่มีข้อความบันทึกเหนือบัญชี ทำให้ไม่ทราบว่ามีการจ่ายหนี้เสร็จสิ้นแล้วหรือยัง ลูกหนี้อาจต้องนำใบปิดบัญชีไปที่ฝ่ายสินเชื่ออีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั้นขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน ไม่ได้มองที่สถานะบัญชีเพียงอย่างเดียว
สถาบันการเงินอาจจะจากพฤติกรรมการชำระเงินหรือชำระหนี้ในอดีตที่เคยมีการค้างชำระ จึงปฏิเสธอนุมัติสินเชื่อ เนื่องจากอาจจะเห็นว่าหากมีการอนุมัติสินเชื่อแล้วลูกหนี้อาจมีการค้างชำระอยู่ก็เป็นได้ ไม่ได้พิจารณาที่สถานะบัญชีแต่เพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้นการอนุมัติสินเชื่อของทางสถาบันการเงินยังมีการพิจารณาส่วนอื่น ๆ อีก เช่น รายได้ ภาระหนี้ต่อเดือนไม่เกิน 40 % ของรายได้ การประกอบอาชีพ หลักทรัพย์ รวมไปถึงความสามารถในการ