ศาลอนุญาตดีแทคขยายเวลายื่นคำคัดค้านคำร้อง แนะผู้ร้องเพิ่มรายละเอียดการคำนวณค่าความเสียหาย พร้อมนัดไต่สวนอีกครั้ง 1 ตุลาคม นี้
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ในฐานะโจทก์แกนนำของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายดีแทค พร้อม ว่าที่ร้อยตรีสมชาย อามีน และนายภูดิท โทณผลิน ทนายความจากสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ผู้ดูแลคดีดังกล่าว เดินทางไปยังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ตามคำสั่งนัดไต่สวนคดีแบบกลุ่ม กรณีฟ้องบริษัทดีแทคเรียกค่าเสียหายจากการปัดเศษวินาทีเอาเปรียบผู้บริโภค
ในการไต่สวนดังกล่าว บริษัทได้ยื่นคำร้องขออนุญาตขยายเวลายื่นคัดค้านคำขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่ายังไม่ครบกำหนดระยะเวลายื่นคำคัดค้านตามกฏหมาย และศาลได้ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีแบบกลุ่มพร้อมประเด็นที่คู่ความต้องไต่สสวนในชั้นดำเนินคดีแบบกลุ่ม ให้คู่ความเตรียมตัวเพื่อไต่สวนในนัดต่อไป
โดยสรุป ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทฯ ขยายระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มออกไป เนื่องจากเห็นว่าคำร้องโจทก์ยังต้องเพิ่มเติมรายละเอียดการคิดคำนวณค่าความเสียหายของสมาชิกกลุ่มให้ชัดเจน และให้ยื่นต่อศาลภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 และให้จำเลยมารับคำร้องของโจทก์ และทำคำคัดค้านมายื่นภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2561
ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่มครั้งต่อไป ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เวลา 9.30 น.
นายโสภณ หนูรัตน์ นักวิชาการด้านกฎหมาย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แสดงความเห็นว่า คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนมาก เพราะผู้ใช้บริการโทรศัพท์ล้วนถูกปัดเศษวินาทีเป็นนาทีมาเป็นเวลานาน การฟ้องคดีจึงทำเพื่อให้บริษัทเยียวยาความเสียหายแก่ผู้บริโภค
“สิ่งที่คาดหวังจากการฟ้องคดีกลุ่มในครั้งนี้ คือเพื่อให้เกิดการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นการทั่วไป ต้องขอบคุณที่ศาลช่วยอธิบายข้อกฎหมายและขั้นตอนในการดำเนินคดีแบบกลุ่มให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ประเด็นที่ผู้บริโภคต้องพิสูจน์หลักๆ คือลักษณะเฉพาะกลุ่ม และการทำหน้าที่ของโจทก์และทนายความ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของสมาชิก ซึ่งทางมูลนิธิจะนัดหมายกับทีมทนายความเพื่อกำหนดเรื่องการคำนวณค่าเสียหายตามที่ศาลได้ชี้แนะ และหวังว่าศาลจะรับคดีนี้เป็นคดีแบบกลุ่มโดยเร็ว"
ทั้งนี้ นอกจากคดีฟ้องบริษัทดีแทคเรียกค่าเสียหายจากการปัดเศษวินาทีเอาเปรียบผู้บริโภคแล้ว ยังมีอีกสองคดีที่ฟ้องบริษัท ทรู และ เอไอเอส ที่ศาลแพ่ง (รัชดา) ซึ่งอยากให้ผู้บริโภคทุกคนร่วมติดตามอย่างต่อเนื่อง