ประธานอนุฯคุ้มครองผู้บริโภคโทรคมนาคม “สารี อ๋องสมหวัง” ปลุกผู้ใช้บริการพรีเพด ร้องเรียน ๑๒๐๐ กด ๑ หลังมีคำสั่งปกครองปรับวันแสน ยังพบผู้ร้องเดือดร้อน ระบุทางออกต้องเปิดโต๊ะเจรจา เคาะวันที่เหมาะสมร่วมกัน
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากเลขาธิการ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ กำหนดค่าปรับทางปกครองในอัตราวันละหนึ่งแสนบาท สำหรับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบชำระค่าบริการล่วงหน้า (พรีเพด) ที่ยังกำหนดวันใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพรีเพด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคมที่ผ่านมา จนกว่าผู้ให้บริการจะปฏิบัติตามคำสั่ง ทั้งนี้ หากผู้ให้บริการสามารถอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน และขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่กำหนดแล้ว อย่างไรก็ดี แม้เลขาธิการ กสทช. ได้มีคำสั่งปรับทางปกครองไปแล้ว แต่ยังมีผู้ให้บริการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยพบว่า ยังมีผู้ใช้บริการที่ประสบปัญหาจากการถูกกำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพรีเพดอยู่
“ผู้ร้องรายหนึ่งแจ้งว่าเมื่อทราบจากข่าวว่า กสทช. มีคำสั่งห้ามตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน เนื่องจากหมดกำหนดวันใช้บริการ และทราบว่ามีคำสั่งปรับทางปกครองวันละแสนบาท เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายนที่ผ่านมาจึงได้เดินทางไปเรียกร้องกับผู้ให้บริการว่าเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองนั้นรับสายได้อย่างเดียวโทรออกไม่ได้ เพราะวันหมด ทั้งที่ผู้ร้องได้อ้างคำสั่ง กสทช. แล้ว แต่ก็ยังถูกกำหนดวันใช้บริการอยู่” ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมกล่าว
นางสาวสารี กล่าวต่อไปว่า การมีคำสั่งทางปกครองถือเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงาน กสทช. ในการพยายามแก้ปัญหาการถูกกำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน อย่างไรก็ตาม ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๑๑ ได้กำหนดว่าการให้บริการโทรคมนาคมแบบชำระค่าบริการล่วงหน้าจะต้องไม่มีการกำหนดระยะเวลาการใช้บริการ ยกเว้นได้รับการเห็นชอบจาก กสทช. นั้น ที่ผ่านมาผู้ปฏิบัติการด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมมีความพยายามที่จะหารือกับผู้ให้บริการหลายครั้งเพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องนี้และร่วมกันกำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินที่เหมาะสม แต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติใดๆ
“ปัญหาพรีเพดคงไม่จบที่คำสั่งทางปกครอง เพราะผู้บริโภคยังเจอปัญหาอยู่เช่นเดิม ดังนั้นในระหว่างที่มีคำสั่งทางปกครองนี้ สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการ รวมถึงเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคควรมีการเปิดโต๊ะเจรจาร่วมกันว่า ระยะเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินที่เหมาะสมจากการเติมเงินแต่ละครั้งควรเป็นเท่าใด และผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกรายควรให้ความร่วมมือด้วยการเคาะจำนวนวันที่ไม่เป็นการเร่งรัดผู้ใช้บริการจนเกินไปออกมา และในระหว่างนี้ขอเรียกร้องให้ผู้บริโภคที่ถูกกำหนดระยะเวลาการใช้บริการร้องเรียนเข้ามาที่ สำนักงาน กสทช. หมายเลข ๑๒๐๐ กด ๑ เพื่อเป็นข้อมูลให้เราทราบว่า ยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวอยู่มากน้อยเพียงใด”นางสาวสารีกล่าว
ทั้งนี้ในระหว่างนี้ กลุ่มงานรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท.เดิมได้จัดกิจกรรม ตามหาผู้มีเงินเหลือในซิมมือถือจำนวนมากที่สุด เพื่อให้เห็นว่าคนไทยได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเร่งให้เติมเงินเข้าไปในระบบโทรศัพท์มือถือมากเพียงใด ติดตามรายละเอียดได้ที่ http://tcp.nbtc.go.th/index.php?net=lo