"จุติ" เดินหน้า แปรสัญญาสัมปทานมือถือ หวังให้เสร็จในสิ้นปี 53 เตรียมชงแนวทางที่ได้หารือร่วมกับคลังเขจ้าครม.ศก. 19 กันยายนนี้ ระบุคลังห่วงรายได้สัมปทานหาย เล็งรวมระบบมือถือ 2 จี และ 3 จี ไว้ก้อนเดียวภายใต้หมวก กทช. ไฟเขียวผู้ให้บรืการโอนลูกค้าเดิมเข้าระบบใหม่ได้
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่ากระทรวงไอซีทีจะสรุปแนวทางการแปรสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ได้หาหรือกับ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.กระทรวงการคลังเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะนำแนวทางทั้งหมด เข้าสู่การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 19 กรกฎาคม นี้ เพื่อพิจารณา ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับ แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 ที่ระบุให้ไปพิจารณาแนวทางสัญญาสัมปทานต่างๆ ที่มีอยู่ให้สิ้นสุดผลภายในปี 2553
"จะแปรสัญญาสัมปทานหรือไม่แปร ผมไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ผมอยากเห็น ก็คืออยากเห็นมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ทั่วประเทศ และทีโอทีกับ กสทฯ เป็นคนทำเรื่องใหญ่เรื่องนี้ ลงทุนเอง และเก็บค่าทางด่วนจากเอกชน เพราะเมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ทีโอทีกับกสทฯ จะมีรายได้จากการมาใช้ค่าทางด่วนบนถนนอินเทอร์เน็ตสายที่ทุกรายมาร่วมกัน ใช้"
อย่างไรก็ตามแนวทางการแปรสัญญาฯ ของกระทรวงการคลังที่มีแนวคิดขยายอายุสัมปทานออกไปให้เหลือ 15 ปีเท่ากัน (จากเดิมที่สัญญาเหลือ 3-8 ปี) ของผู้รับสัมปทานเดิม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่จะหมดอายุในปี 2557 บริษัท โทเทิ่ล แอ็ดเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หมดอายุในปี 2560 และบริษัท ทรูมูฟ หมดอายุปี 2555 พร้อมทั้งลดอัตราการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องนำส่ง ให้กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท จำกัด (มหาชน) เฉลี่ยปีละ 25-30% ให้เหลือ 12.5 % ซึ่งไอซีทีก็ไม่ขัดข้องที่จะต้องดำเนินการตามนโยบาย
"คลังห่วงเรื่องรายได้เพราะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) ออกใบอนุญาต 3 จี บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิ๊กะเฮิรตซ์ ที่จะเปิดประมูลในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งกังวลว่าคลังจะสูญเสียรายได้จากสัญญาสัมปทาน จึงอยากให้มีการหลอมรวม(คอนเวอร์เจน)สัมปทานมือถือระบบ 2 จี และ 3 จี ไว้ในก้อนเดียวกัน โดยให้ผู้ประกอบการสามารถโอนย้าย(ไมเกท) ลูกค้าจากระบบ 2 จีเดิม ไปสู่ระบบ 3 จี ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องหารือกับ กทช.อีกครั้ง" รมว.ไอซีที กล่าว
นสพ.แนวหน้า วันที่ 19/7/2010