องค์กรเอกชนเสนอยกเลิกน้ำมันออกเทน 91 ปี 55

กรุงเทพฯ 2 ส.ค.- น.ส.สุวพร ศิริคุณ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ถึงมีกระแสข่าวว่านายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. อาจเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงานคนใหม่ว่า นายประเสริฐเป็นบุคคลมีความรู้ความสามารถด้านพลังงาน แต่ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นคือ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายชัดเจนในเรื่องประชานิยมอุดหนุนราคาพลังงาน ในขณะที่นายประเสริฐมีแนวคิดต้องการเห็นราคาเป็นไปตามกลไกตลาด และที่ผ่านมีการบริหารงานเป็นรูปแบบเอกชนค่อนข้างมาก จึงอาจจะเกิดความคิดที่ขัดแย้งกัน ในขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรเอกชน อาจไม่เห็นด้วยนักที่คนจาก ปตท.จะเข้ามาดูแลงานราชการที่เป็นกลไกเข้าไปดูแลงาน ปตท.ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการดูแลภาคประชาชนควบคู่ไปด้วย

น.ส.สุวพร กล่าวด้วยว่า ทางมูลนิธิฯ ได้ศึกษาเรื่องกลไกการจำหน่ายน้ำมันในเมืองไทย และเห็นว่าประเทศไทยมีชนิดน้ำมันหลากหลายมากเกินไป จนเป็นภาระต้นทุนที่สูงเกินจำเป็นทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะการบริหารจัดการปั๊ม และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเข้าไปส่งเสริมพลังงานทดแทนที่หลากหลาย ดังนั้น นโยบายใหม่ที่ รมว.พลังงาน น่าจะศึกษาคือ ควรยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันออกเทน 91 ทั้งเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์ 91 หากทำได้ก็จะเหลือน้ำมันเฉพาะออกเทน 95 ได้แก่ เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, อี 20, อี 85 และดีเซล ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้น พบว่ากรณียกเลิกการจำหน่ายเฉพาะเบนซิน 91 ตั้งแต่ปี 2555 จะทำให้การใช้เอทานอลจะสูงถึง 10 ล้านลิตรต่อวัน ในปี 2565 สูงกว่าแผนการส่งเสริมพลังงานทดแทน ที่กำหนดไว้ว่าจะมีการใช้ประมาณ 9 ล้านลิตรต่อวัน ในปี 2565 แต่หากไม่ยกเลิกก็อาจจะเป็นไปตามแผนได้ยาก โดยล่าสุดในปีนี้มีการใช้เพียง 1.3 ล้านลิตร/วัน จากแผนงานต้องมีถึง 3 ล้านลิตร/วัน และจะต้องเพิ่มเป็น 6.2 ล้านลิตรต่อวันในปี 2559 แต่หากไม่ยกเลิกเบนซิน 91 คาดจะมีการใช้เอทานอลเพียง 4.3 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น

“ผู้ใช้รถยนต์จะมีทางเลือกโดยหากเป็นรถหรูก็ไปเติมเบนซิน 95 ส่วนรถใหม่ปัจจุบันก็พบว่าเติมอี 20 ได้ทั้งหมด ปั๊มก็จะนำหัวจ่ายมาขายอี 20 เพิ่มขึ้น ส่วนรถเก่าก็เติมแก๊สโซฮอล์ 95 ได้ ส่วนคนที่ใช้รถอี 85 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ปั๊มต่างๆ ก็จะหันมาขายอี 85 เพิ่มขึ้นเช่นกัน” น.ส.สุวพร กล่าว

นอกจากนี้ จากผลการศึกษาพบว่า รถยนต์ที่ออกมาใหม่ทั้งหมด เป็นรถยนต์ที่เติมอี 20 ได้ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2551 และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ได้ทำให้แนวโน้มการใช้รถยนต์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีรถอี 85 เป็นสัดส่วนร้อยละ 1.72 ของรถยนต์ใหม่ ส่วนรถหรูนำเข้าก็จะใช้เบนซินประมาณร้อยละ 2.5 รวมทั้งพบว่าตัวเลขสัดส่วนรถยนต์ที่ใช้เบนซินค่อยๆ ลดลง โดยเหลือร้อยละ 2.09 ในปัจจุบันและจะเป็นศูนย์ใน 1-2 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกันหากต้องการเร่งส่งเสริมการผลิตเอทานอลแล้ว ต้องสร้างกลไกการจูงใจให้ใช้อี 20 มากขึ้นทั้งราคาและค่าการตลาด ส่วน อี 85 สามารถดำเนินการได้โดยปรับเปลี่ยนเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนจากการผลิตอีโคคา ร์ อี 20 ก็ให้มาใช้อี 85 ได้ และควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้อี 20, อี 85 รวมทั้งจัดการปัญหาเอทานอลล้นตลาดด้วยการส่งเสริมการจัดตั้งคลังกลาง โดยรัฐจัดหาเงินทุนให้ (จากกองทุนที่จัดตั้งมาใหม่หรือกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ) และเพื่อป้องกันการแย่งวัตถุดิบระหว่างการทำอาหารและการทำน้ำมัน ภาครัฐต้องเร่งส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตต่อไรในปี 2564 ของอ้อยและมันสำปะหลังให้เท่ากับ 15 และ 5.4 ตันต่อไร่ จากที่ผลผลิตต่อไรสูงสุด 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 11.5 และ 3.67 ตันต่อไร่ตามลำดับ.

-สำนักข่าวไทย -วันอังคาร ที่ 02 ส.ค. 2554

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน