นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า ในเร็วๆนี้ทางเรกูเลเตอร์จะเรียกข้อมูลแผนการลงทุนขยายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 4 ของ บมจ.ปตท.มาศึกษาต้นทุนการลงทุนที่แท้จริง ก่อนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนอัตราค่าผ่านท่อส่งก๊าซฯใหม่ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดการลงทุนที่เกินตัว เพราะสุดท้ายจะตกเป็นภาระต่อประชาชนได้ 
ด้านนายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า เรกูเลเตอร์ได้มีการศึกษาอัตราค่าผ่านท่อก๊าซฯของ ปตท.เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนที่แท้จริง เพราะถ้ามีการลงทุนมากเกินความจำเป็นก็จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นภาระต่อประชาชนที่อาจต้องใช้ก๊าซฯในราคาแพง แต่ถ้า ปตท.มีการลงทุนเพิ่มขึ้น ก็อาจจะต้องมีการพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านท่อก๊าซฯตามค่าเฉลี่ยการลงทุนที่ เกิดขึ้นจริง "ปกติเรกูเลเตอร์จะมีการทบทวนอัตราค่าผ่านท่อก๊าซฯทุก 3-5 ปี โดยเรกูเลเตอร์จะติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถ้าพบว่า ปตท.ปรับแผน หรือชะลอการลงทุนตามความต้องการพลังงานที่ลดลง ก็สามารถปรับเปลี่ยนอัตราใหม่ให้เหมาะสมได้ทุกปี ซึ่งปีนี้เชื่อว่าอัตราค่าผ่านท่อก๊าซฯคงไม่มีการปรับเพิ่มขึ้น" นายกวิน กล่าว ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ปตท.ได้มีการเสนอขอปรับขึ้นค่าผ่านท่อก๊าซฯจาก 19.74 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 22.57 บาทต่อล้านบีทียู หรือปรับขึ้น 2.83 บาทต่อล้านบีทียู แต่เรกูเลเตอร์เห็นว่าควรปรับขึ้นเพียง 2.02 บาทต่อล้านบีทียู มาอยู่ที่ระดับ 21.76 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นอัตราต่ำกว่าที่ ปตท.เสนอ นายกวิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรกูเลเตอร์จะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ เพราะเดิมค่าไฟฟ้าฐานจะต้องมีการปรับทุกๆ 3-5 ปี ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานที่ปัจจุบันใช้กันอยู่เป็นอัตราที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2544 โดยให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษารายละเอียดเพื่อความเหมาะสมอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งจะเรียกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) มาหารือเพื่อจัดทำบัญชีต้นทุนส่วนที่เกี่ยวกับค่าไฟฟ้าใหม่ โดยจะแยกบัญชีในส่วนกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการคำนวณค่าไฟฟ้าออก เพื่อให้ได้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แท้จริงข้อมูลจาก นสพ.แนวหน้า วันที่ 12 - 7 - 2010