อุทาหรณ์ขายตรง ศาลอาญาลงดาบ 3 เอ็มดี คนละเหยียบ 2 พันปี พร้อมปรับเกือบ 200 ล้าน คดีตั้งแก๊งหาสมาชิกขายตรง "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร-ยาแผนโบราณ" ใช้ "รถ-เงินสด" หลอกล่อก่อนฉกเงินหาย โชคในคราเคราะห์ โทษสูงสุดแค่ 20 ปี
เมื่อวันศุกร์ ที่ศาลอาญา ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชน ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธนกฤต หรือสุพจน์ หรือบวร ฉัตรทันนิเทศ อายุ 50 ปี กรรมการบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, นายกิตติพงษ์ เมธาธรรม อายุ 55 ปี และนางอัมพร วสุวัต อายุ 63 ปี ทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท กรีน แพลนเนท 108 คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ร่วมรวยฯ และบริษัท กรีน แพลนเนทฯ ร่วมเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2548 ได้ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.2546 - 10 ก.พ.2548 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรม ด้วยการโฆษณาแจกจ่ายเอกสาร เผยแพร่ข่าวและโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชน ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดให้สมัครเป็นสมาชิกขายตรงสินค้า และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนโบราณ ครีมบำรุงผิว และชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด กับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ โดยมีบริษัท ร่วมรวยฯ เป็นผู้บริหารจัดการผลประโยชน์ จนมีประชาชน 734 ราย หลงเชื่อและเสียค่าสมัครสมาชิกรายละ 200 บาท รวมทั้งต้องซื้อสินค้าคนละ 18,000 บาท โดยระบุว่าถ้าเป็นสมาชิกครบ 1 ปี จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินสดคนละ 1.1 ล้านบาท หรือรถยนต์ 1 คัน และหากหาสมาชิกใหม่ได้จะได้รับผลตอบแทนคนละ 1,000 บาท โดยเมื่อสมัครป็นสมาชิกแล้วภายใน 4-6 เดือนจะได้รับเงินโอนให้อีกคนละ 4,000 บาท แต่เมื่อพวกจำเลยได้รับเงินกลับนำเงินไปฝากในธนาคารต่างๆ แล้วฉ้อโกงไปเป็นของตนเอง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, มาตรา 5 และ 12 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ซึ่งนายธนกฤต และบริษัท ร่วมรวยฯ จำเลยที่ 4 กระทำผิดรวม 539 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 5 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4 กระทงละ 500,000 บาท
นายกิตติพงษ์ และนางอัมพร จำเลยที่ 2-3 และบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 กระทำผิดรวม 587 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 2-3 กระทงละ 5 ปี และปรับบริษัทกระทงละ 500,000 บาท แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษให้จำเลยทั้งห้าคนละ 2 ใน 5 คงจำคุกจำเลยที่ 1-3 กระทงละ 3 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4-5 กระทงละ 300,000 บาท
รวมจำคุกนายธนกฤตไว้ 1,617 ปี ปรับบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ฯ 161,700,000 บาท และให้จำคุกนายกิตติพงษ์ และนางอัมพร คนละ 1,761 ปี ปรับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ 176,100,000 บาท แต่ความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ซึ่งตามกฎหมายให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 ไว้คนละ 20 ปี และให้พวกจำเลยคืนเงินของกลางจำนวน 15,968,497 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมทั้งคืนเงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 42,103,826 บาท
ต่อมาญาตินางอัมพรได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นโฉนดที่ดิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 7 โฉนด มูลค่า 5,400,000 บาท ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้ประกันตัวไปโดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาทถ้วน ส่วนนายธนกฤตและนายกิตติพงษ์ไม่มีผู้ใด้ยื่นขอประกันตัว จึงถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป.
ข้อมูลจาก นสพ.ไทยโพสต์ 30/01/53