แฉนอมินีนักการเมืองโกยกำไรปตท.เข้ากระเป๋า2แสนล้าน

      
       ASTVผู้ จัดการออนไลน์ – กมธ.ตรวจสอบทุจริตฯ วุฒิสภา เปิดผลศึกษาธรรมาภิบาลโครงสร้างราคาก๊าซฯ แฉ ปตท.สผ.อู้ฟู่ฟันกำไรก่อนหักภาษีกว่า 50% - 60% แต่กลับจ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐจิ๊บๆ แค่ 10-14% เผยผู้ถือหุ้นใหม่ในคราบนอมินีนักการเมืองใส่เงินเพิ่มทุนในปตท.รวม 28,083 ล้านบาท แต่โกยส่วนแบ่งกำไรเข้ากระเป๋าถึง 216,384 ล้านบาท อัตรากำไร 771% ร่ำรวยพุงกางยังอ้อนขอชดเชยแถมลำเลิกบุญคุณ

       
       เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 52 คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “ก๊าซธรรมชาติของไทย ใครได้ประโยชน์” ที่รัฐสภา
       
       นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลเกี่ยวกับการ ศึกษาธรรมาภิบาลในกิจการพลังงานว่าด้วยโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ โดยฉายภาพให้เห็นถึงการผูกขาดทั้งระบบในธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ส่งผลให้กลุ่มปตท.ได้รับผลกำไรมหาศาลแล้วนำมาแบ่งปันกันในหมู่ผู้ถือหุ้น
       
       ประธาน คณะกรรมาธิการฯ ยกกรณีบริษัท ปตท. สผ. มีกำไรก่อนหักภาษีในแต่ละปีถึง 50-60% ขณะที่จ่ายค่าภาคหลวงและค่าตอบแทนให้แก่รัฐแค่ 11 – 14 % ซึ่งความจริงแล้วผลกำไรจากธุรกิจผูกขาดไม่ควรเกิน 3%
       
       นาง สาวรสนา กล่าวว่า การแปรรูป ปตท. ทำให้ ปตท.ได้เงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแค่ 28,083 ล้านบาท โดยแยกเป็น ปี 2544 จำนวน 24,250 ล้านบาท ปี 2549 จำนวน 1,405 ล้านบาท และปี 2550 จำนวน 2,427 ล้านบาท แต่ผู้ถือหุ้นใหม่ กลับได้รับส่วนแบ่งกำไรระหว่างปี 2544 – 2550 มากถึง 216,384 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสูงถึง 771% ซึ่งนักลงทุนใหม่ดังกล่าว มีคำถามมาตลอดว่าคือนักการเมืองที่เข้าซื้อหุ้นผ่านทางกองทุนนอมินีทั้งนั้น ใช่หรือไม่
       
       “กำไรเหล่านี้กลับไปสู่นักการเมืองเท่าไหร่เป็นข้อต่อที่หายไปซึ่ง ประชาชนต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับรัฐ เพราะกำไรที่เกิดขึ้นเป็นภาระที่ประชาชนต้องจ่าย” นางสาวรสนา กล่าว
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า จากการยื่นคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ที่ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาตรวจสอบการกระทำของ ส.ส. 44 รายเนื่องจากอาจกระทำการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 และ มาตรา 265 (2) เพราะถือครองหุ้นในบริษัทสื่อและบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐ ซึ่ง กกต. ได้ประชุมพิจารณารายงานการสรุปผลการไต่สวน เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 52 ที่ผ่านมา พบการกระทำของ ส.ส. 16 ราย เข้าข่ายมีความผิดและอาจสิ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส.นั้น
        
       ปรากฏ ว่า มีภรรยารัฐมนตรีที่ถือหุ้น ปตท.สผ. อยู่ 3 ราย คือ ภรรยานายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.อยุธยา และรมช.คมนาคม, ภรรยานายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และรมช.มหาดไทย, ภรรยานายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี และรมช.สาธารณสุข
       
       นอกจากนั้น ยังมีภรรยาของนักการเมืองเข้าถือหุ้นใน ปตท. สผ. อีก เช่น ภรรยาของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ส่วน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย และ นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าถือหุ้นใน ปตท.สผ. เองโดยตรง
       
                                          กำไรของ ปตท.
       

       ปี           ผู้ถือหุ้นใหม่เพิ่มทุน      กำไรปตท.        ผู้ถือหุ้นใหม่รับส่วนแบ่ง
       
2543       -                                12,698             -
       2544      24,250                         21,612             10,589
       2545       -                                24,485             11,997
       2546       -                                39,401             19,306
       2547       -                                62,666             30,706
       2548       -                                87,843             43,043
       2549       1,405                         95,261              46,677
       2550       2,427                       110,333              54,063
       
             รวม  28,038                    454,299            216,384
       
       ที่มา : คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา (ก.ย.2552)
       

       ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวต่อว่า ก๊าซธรรมชาติเป็นกิจการที่ผูกขาดทั้งระบบ และสร้างกำไรมหาศาลให้กับ ปตท. และบริษัทลูก จากนั้นก็ผ่องถ่ายกำไรไปสู่ผู้ถือหุ้นแค่หยิบมือ ดังนั้นต้องพิจารณาใหม่ว่าจะยังให้ ปตท. ดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปหรือไม่ ที่ผ่านมา ปตท.มักโอดครวญเสมอว่า ต้องแบกรับภาระจากการตรึงราคาค่าก๊าซฯ ตามนโยบายของรัฐบาล และเรียกร้องให้จ่ายค่าชดเชยส่วนต่างจากการนำเข้า
       
       เช่น กรณีนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศ ซึ่งปี 2551 ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติให้เอาเงินจากกองทุนน้ำมันไปชดเชยให้กับปตท .แล้วกว่า 8,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ก๊าซแอลพีจีที่นำเข้ามานั้นเมื่อดูจากสัดส่วนการใช้แยกตามประเภทผู้ใช้ จะพบว่า ใช้ในกิจการครัวเรือน 44.4% ขนส่งอีก 10.2% เท่านั้น ที่เหลือใช้ในอุตสาหกรรม 13.7% และปิโตรเคมี 25.7% เท่ากับว่าเอาเงินที่ล้วงไปจากผู้ใช้น้ำมันไปอุดหนุนอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี
       
       “ระบบ พลังงานทั้งหมดต้องได้รับการตรวจสอบและกลับมาทบทวนใหม่ ควรจะให้ ปตท. ทำเฉพาะธุรกิจน้ำมันและปิโตรเคมี แล้วตั้งรัฐวิสาหกิจการก๊าซแห่งชาติขึ้นมา ให้รัฐเอาเรื่องก๊าซกลับมาทำเอง” นางสาวรสนา เสนอทางเลือกเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
       
       ในการสัมมนาครั้งนี้ ผู้แทน ปตท. ได้เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลและตอบคำถามผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งในการชี้แจง ทางผู้แทนปตท.ได้กล่าวในทำนองทวงบุญคุณว่า ปตท. ได้สร้างคณูปการให้กับประเทศ ได้สร้างความเข้มแข็งให้กิจการพลังงานของไทย และออกไปแสวงหาพลังงานจากทั่วโลกมาให้ประชาชนคนไทยใช้ ทำให้ประเทศไทยไม่ขาดแคลนพลังงาน มีความสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ
       
       การกล่าวอ้างทวงบุญคุณในทำนองนี้ ผู้แทน ปตท.มักจะปฏิบัติเป็นกิจวัตรไม่ขาดตกบกพร่อง และสปอตโฆษณาของ ปตท. ตามสื่อต่างๆ ก็มักจะเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนคนไทยซาบซึ้งในบุญคุณที่ปตท.ทำให้ กับประเทศชาติและประชาชน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ และจากการติดตามตรวจสอบของหลายหน่วยงาน มีข้อมูลบ่งชี้ให้เห็นถึงการขูดรีดประชาชนผู้บริโภค ทำกำไรมหาศาลจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันและราคาก๊าซฯ ของ ปตท. อย่างไม่เป็นธรรม
       
       อนึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานยกร่างนโยบายพรรคการเมืองใหม่ ได้กล่าวในการจัดสัมมนาสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ในส่วนของบริษัท ปตท. พรรคการเมืองใหม่ มีนโยบายไม่ได้ยึดคืน แต่จะใช้การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่ สมเหตุสมผล

รายงานพิเศษ “ธรรมาภิบาลระบบพลังงานไทย ภาคสอง” (1) โดย ….. ทีมข่าวพิเศษ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2552 20:28 น.

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน