โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 |
ในระหว่างนี้ กรมฯ จะดำเนินการติดตามความคืบหน้าของสัมปทานในรอบที่ผ่านมา คืบหน้าในการสำรวจแหล่งพลังงานมากน้อยแค่ไหน เพราะยังอยู่ในขั้นตอนสำรวจที่มีระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้เปิดสัมปทานฯ รอบใหม่ ก็ไม่มีผลกระทบต่อรายได้ปิโตรเลียมที่นำส่งเข้ารัฐ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2551 ซึ่งมาจากรายได้จากค่าภาคหลวง 5 หมื่นล้านบาท และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายคุรุจิต กล่าวว่า ปีนี้จะเน้นเรื่องให้บริการผู้ที่ได้รับสัมปทานฯ ไปแล้วอย่างจริงจัง รวมทั้งติดตามผลสำรวจในแต่ละพื้นที่ เพราะ หากแหล่งใดที่เปิดสัมปทานฯ ไปแล้ว พบน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติขึ้นมา ก็เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าพื้นที่ในบริเวณนั้นๆ น่าจะมีแหล่งพลังงานด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีแหล่งสัมปทานฯ ที่น่าสนใจอีกหลายแปลง ที่สามารถเปิดสัมปทานฯ ได้ ทั้งบนบกและในทะเล
ก่อนหน้านี้ ได้เปิดสัมปทานฯ ไปแล้วเป็นจำนวน 20 ครั้ง มีกำลังการผลิตปิโตรเลียมเป็นจำนวนเทียบเท่ากับน้ำมันดิบ 6.8 แสนบาร์เรล/วัน สามารถทดแทนการ นำเข้าน้ำมันคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท/วัน ช่วยประหยัดเงินในการนำเข้าน้ำมันดิบ 7 แสนล้านบาท/ปี