RFID ตรวจจับรถตู้ขับเร็วเกินกำหนดเม.ย.เดือนเดียว1,810 คัน

ขนส่งทางบกเผยการตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนมีรถตู้โดยสารสาธาณะที่ติดตั้งระบบ RFID วิ่งผ่านเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 162,364 คัน พบรถตู้โดยสารสาธาณะที่ขับเร็วเกินกำหนด จำนวน 1,810 คัน

 

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการที่กรมการขนส่งทางบก  ได้มีมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยของรถตู้โดยสารสาธารณะด้วยการนำระบบ เทคโนโลยี RFID มาตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่า เฉพาะเดือน เมษายน 2555 (1 - 30 เมษายน) มีรถตู้โดยสารสาธาณะที่ติดตั้งระบบ RFID วิ่งผ่านเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 162,364 คัน ในจำนวนนี้ พบ รถตู้โดยสารสาธาณะที่ขับเร็วเกินกำหนด จำนวน 1,810 คัน เป็นรถร่วมบริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 1,432 คัน และรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 378 คัน คิดเป็นจำนวนรถตู้โดยสารสาธารณะที่ขับเร็วเกินกำหนดร้อยละ 1.11 จากจำนวนรถที่วิ่งผ่านจุดติดตั้งในช่วงเวลาดังกล่าว

นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกได้ทำหนังสือแจ้ง บขส. และ ขสมก.  เพื่อประสานไปยังผู้ขับรถที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้มารายงานตัวเพื่อชำระค่า ปรับ ภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่กระทำผิดมาติดต่อรายตัวเพื่อชำระค่าปรับแล้ว จำนวน 206 ราย เป็นรถร่วมบริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 191 ราย และรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน  15 ราย ทั้งนี้  หากไม่มารายงานตัวภายในกำหนด กรมการขนส่งทางบกจะบันทึกการกระทำความผิดไว้ที่ต้นทะเบียน ส่งผลให้รถคันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะจะมีความผิดด้วยฐานไม่ส่งตัวพนักงานขับรถ เข้ามารายงานตัว มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท จึงขอให้ผู้ประกอบการและพนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะปฏิบัติตามกฎหมายอย่าง เคร่งครัดด้วย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย และลดความสูญเสีย จากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

พร้อมกันนี้ ยังแนะให้ประชาชนร่วมกันให้ใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้อง ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้ได้รับสิทธิ์คุ้มครองความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี RFID โดยขอให้สังเกตจากแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ถูกต้อง ต้องเป็นทะเบียนสีเหลือง ตัวเลขและตัวอักษรสีดำ ด้านข้างรถ  มีเครื่องหมายแสดงการเข้าร่วมกับ ขสมก. หรือ บขส. พร้อมชื่อเส้นทาง ส่วนรถตู้โดยสารสาธารณะที่ ผิดกฎหมาย จะเป็นป้ายสีขาว ตัวเลขและตัวอักษรสีน้ำเงิน หรือสีดำ ซึ่งการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่ผิดกฎหมายนั้นนอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้ว ยังยากต่อการติดตาม ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรมด้วย

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 02 พฤษภาคม 2012 เวลา 08:39 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน