"สมอ."คลอด"มอก." คุมไอเสียรถบรรทุก เชื้อเพลิงLPG-NGV

นาย ชัยยง กฤตผลชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีงบประมาณ 2554 (ต.ค.53-ก.ย.54) สมอ.มีแผนประกาศมาตรฐานบังคับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องหมาย "มอก." เพิ่มอีก 15 รายการ หนึ่งในนั้นคือมาตรฐาน ไอเสียรถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มอก.2320-2552 โดยร่างประกาศอยู่ในขั้นตอนให้กฤษฎีกาตรวจสอบ หลังจากนั้นก็จะนำมาประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้

จากเดิมมีการกำหนดมาตรฐานไอเสียรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อ เพลิงเท่านั้น ซึ่งค่าไอเสียจะแตกต่างกับเชื้อเพลิง NGV และ LPG และปัจจุบันก็มีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องยนต์สำหรับใช้เชื้อเพลิง NGV และ LPG จำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้ครอบคลุมมาตรฐานไอเสียของเชื้อเพลิงทั้ง สมอ.จึงได้จัดดำเนินการกำหนดมาตรฐานดังกล่าวออกมา โดยใช้มาตรฐานมลพิษสากล EURO 3 และ EURO 4 มาเป็นตัวแบบในการกำหนดมาตรฐาน ซึ่งหลังจากบังคับใช้กับรถยนต์บรรทุกไประยะหนึ่ง โดยหน่วยงานที่กำกับดูแลตรวจสอบมาตรฐาน อาทิ กรมควบคุมมลพิษ หรือสถาบันยานยนต์ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ตรวจวัด ก็จะขยายผลประกาศบังคับใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต่อไป

นอกจากนั้น สมอ.มีแผนจะขยายผล ออกประกาศมาตรฐานบังคับใช้กับถังแก๊ส NGV และอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ประกาศมาตรฐานบังคับกับถังแก๊ส LPG ไปแล้ว ซึ่งลักษณะจะเป็น "ถังแคปซูล" ไม่ใช่ "ถังโดนัท" ซึ่ง สมอ. ไม่แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง เพราะความปลอดภัยในการรับแรงกระแทกจะมีน้อยกว่าถังแคปซูล หากเกิดอุบัติเหตุ อาจจะมีอันตรายร้ายแรงมากกว่า แต่เหตุที่นิยมใช้ เพราะประหยัดเนื้อที่ สามารถใส่ในช่องล้ออะไหล่รถยนต์ได้

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สมอ.ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน 2,800 รายการ เป็นมาตรฐานบังคับใช้เครื่อง หมาย มอก. จำนวน 97 รายการ ซึ่งผ่านมาตรฐาน มอก.กว่า 2,800 รายการนั้น พบว่ามีจำนวนเพียงแค่กว่า 700 รายการเท่านั้น อาจเพราะความล้าสมัยของ มาตรฐาน หรือไม่จูงใจให้ผู้ประกอบการมาขอการรับรอง สมอ.จึงจัดแผนแม่บท 5 ปี (2553-2557) ในการปรับปรุงมาตรฐานที่มีอยู่ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก และความต้องการของผู้มาขอรับรองให้มากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2554 คงจะมีการปรับปรุงและประกาศมาตรฐานใหม่ออกมาได้ 154 รายการ

ข้อมูลจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ 08/11/53

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน