ตลก.ศาลวัดความกว้างซ.ร่วมฤดีก่อนสั่งระงับ

ตุลาการศาลฯลงพื้นที่สืบความกว้างซอยร่วมฤดี หลัง"นพ.สงคราม-แพทย์หลวง-ขวัญแก้ว-ผู้พักอาศัย"ฟ้อง"อภิรักษ์-ผอ.เขต ปทุมวัน"ก่อสร้างเกินกม.กำหนด

ที่ซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน-นายไพศาล บุญเกิด และนายพินิจ มั่นสัมฤทธิ์ องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง ลงพื้นที่เผชิญสืบตรวจสอบสถานที่ความกว้างของซอยร่วมฤดี บริเวณที่ตั้งอาคารสูงว่ากว้างเกิน 10 เมตรหรือไม่ เพื่อนำข้อเท็จจริงมาพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 1475/2551 ที่ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์หลวง , นายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง , อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประชาชนที่อยู่อาศัยในซอยร่วมฤดี รวมทั้งสิ้น 24 ราย ได้มอบอำนาจให้นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสาเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

ยื่นฟ้อง นายสุรเกียรติ์ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปุทมวัน (ขณะดำรงตำแหน่ง ปี 2551) และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ขณะดำรงตำแหน่งปี 2551) ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 17 ก.ย.51 ที่ผ่านมา เรื่องละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า และไม่ชอบด้วยกฎหมาย

กรณีออกเอกสารรับรองความกว้างของถนนซอยร่วมฤดีเกินกว่าความเป็นจริง โดยระบุว่า มีความกว้างต่อเนื่อง 10 เมตร ให้กับบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัททับทิมทร จำกัด เพื่อนำไปยื่น แบบก่อสร้างอาคารสูง โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับอนุญาต ตามมาตรา 39 ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ทั้งที่ความจริง ความกว้างของถนน ไม่ได้กว้าง 10 เมตรต่อเนื่องกัน จึงเป็นเหตุให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่พักอาศัยในซอยร่วมฤดี และกระทบต่อสาธารณะประโยชน์ของประชาชนทุกครัวเรือนที่ต้องเสี่ยงภยันตราย ทั้งด้านอัคคีภัย และการจราจรที่แออัด


ทั้งนี้ ผู้ฟ้อง ขอให้ศาลออกไปเผชิญสืบตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อยุติเขตทาง ซ.ร่วมฤดี และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง สั่งระงับหรือรื้อถอนการก่อสร้างในส่วนที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ภายในเวลาที่ศาลปกครองกำหนด

นายเฉลิมพงษ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสาเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางแล้ว เขาได้ให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ซ.ร่วมฤดี มีความกว้าง 10 เมตรยาวต่อเนื่องกันหรือไม่ ตามที่กฎหมายห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตรหรือมีเนื้อที่ใช้สอยเกิน 10,000 ตารางเมตร ในพื้นที่ซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตรยาวต่อเนื่องกัน โดยศาลได้มีคำสั่งให้คณะผู้ฟ้องคดี , ผู้ถูกฟ้องคดี และเจ้าพนักงานของกรมที่ดินผู้ได้ทำการรังวัด มาชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานที่ ซ.ร่วมฤดีบริเวณก่อสร้าง ในวันนี้(18มี.ค.)

"สำนักงานเขตปทุมวัน ได้อ้างว่า ต้องทำการรังวัดที่ดินตลอดซอย เพื่อหาข้อเท็จจริงมาเป็นเวลา 3 ปีเศษ แต่รังวัดไม่เสร็จ ซึ่งซอยนี้ยาวประมาณ 1,200 เมตร รังวัดซอยได้ยาวเพียงประมาณ 600 เมตร ผลการรังวัดปรากฏว่า ความกว้างซอยร่วมฤดีส่วนใหญ่กว้างไม่ถึง 10 เมตร แต่ก็เปิดโอกาสให้บริษัททำการก่อสร้างมา 3 ปี โดยไม่ต้องรับใบอนุญาต โดยผู้อำนวยการเขตปทุมวัน อ้างว่า เป็นผู้ดูแลที่สาธารณะตามกฎหมาย จึงมีอำนาจออกหลักฐานทางราชการเอง เป็นที่ทราบกันในหมู่ชาวบ้านซอยร่วมฤดีว่า ซอยร่วมฤดีไม่เคยกว้างถึง 10 เมตรตลอดแนว ตั้งแต่มีซอยร่วมฤดีเป็นถนนสาธารณะ ซึ่งตรงกับหลักฐานที่เก็บรักษาไว้ที่กรุงเทพมหานคร" นายเฉลิมพงษ์ กล่าว

เขาระบุว่า ที่ผ่านมา ประชาชนผู้ที่อาศัยอยู่ในซอยร่วมฤดี และเป็นเจ้าของที่ดินติดกับซอยร่วมฤดี ต่างออกมาร้องเรียน ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่า ฯ กทม. ตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2549 และร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 สำนักงานเขตปทุมวันก็ไม่ดำเนินการ การทักท้วงการก่อสร้าง เนื่องจาก ผอ.ขตปทุมวันได้ออกใบรับรองความกว้างของซอย 10 เมตร ให้กับผู้ก่อสร้าง จึงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหนังสือรับรองดังกล่าว และเปิดโอกาสให้มีการก่อสร้างอาคารสูงได้ต่อเนื่อง เหตุการณ์แบบนี้ อาจจะคล้ายกับอาคารซานติก้าผับที่ไฟไหม้ ซึ่งเป็นอดีต ผอ.เขตวัฒนา ผู้นี้ย้ายมาเป็น ผอ.เขตปทุมวัน และกำลังถูกพิจารณาลงโทษ

นายเฉลิมพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานเขตปทุมวัน ได้ทำการรังวัด ซ.ร่วมฤดีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.50 และวันที่ 9 พ.ย.50 โดยกำหนดให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่แสดงแนวเขตทาง ซ.ร่วมฤดีกว้าง 10 เมตร จากถนนเพลินจิตถึงบริเวณก่อสร้างอาคารสูง 24 ชั้น และ 18 ชั้น เพื่อเอาแผนที่นี้แสดงต่อสาธารณะชนว่า ซ.ร่วมฤดีกว้าง 10 เมตร ทั้งที่กรมที่ดินก็ได้ปฏิเสธการออกหนังสือสำคัญ สำหรับที่หลวงให้แก่ ซ.ร่วมฤดี

ด้วยเหตุนี้ การแสดงหลักฐานของโฉนดที่ดินของเอกชน ที่อยู่ติดกับซอย และการวัดความกว้างของ ซ.ร่วมฤดีประกอบคำชี้แจงต่อศาลในวันเผชิญสืบในวันนี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ศาลจะนำข้อมูลหลักฐานไปพิจารณาว่า ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ละเลยต่อหน้าที่หรือไม่

ขณะที่ ศ.ไขแสง ศุขะวัฒนะ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดิน และอยู่ในซ.ร่วมฤดี มานาน 78 ปี กล่าวว่า เป็นเจ้าของที่ดินติดกับ ซ.ร่วมฤดี อยู่ตรงกันข้ามกับอาคารชุด แอนธินี่ เรสซิเด้นท์ รั้วบ้านบ้านเดิมก็ตรงกับแนวหลักเขต เป็นไปไม่ได้ที่กำแพงรั้วของตนและของผู้อื่น ที่อยู่ในแนวเดียวกันจะรุกล้ำที่สาธารณะตามที่สำนักงานเขตปทุมวันอ้างต่อ ศาล

"แปลกใจมาก ที่ได้เห็นแผนที่รังวัดโดยสำนักงานเขตปทุมวัน ชี้ให้กรมที่ดินทำแผนที่รังวัดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.50 กำหนดตำแหน่งตะปู แสดงเขตทาง ซ.ร่วมฤดีในแผนที่ ซึ่งล้ำเข้ามาในที่ดินลึกเข้ามา 40 กว่าเมตร โดยไม่ได้ทราบเรื่องมาก่อน" ศ.ไขแสง กล่าว

เขาบอกว่า กำแพงรั้วที่บ้าน ก็เป็นแนวเส้นตรง ต่อเนื่องจากรั้วข้างเคียง ติดต่อกันยาวประมาณ 600 เมตรจากปาก ซ.ร่วมฤดี ด้านถนนเพลินจิต จนถึงกำแพงรั้วของที่ก่อสร้าง และยังมีเสาไฟฟ้าเดิม ปักอยู่ห่างรั้วห่างจากขอบทางตามระยะ ตามที่ระบุไว้ในทะเบียนตลอดแนวตั้งแต่ปากซอย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 19-3-52

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน