กระทรวงพลังงานเร่งสรุปราคาต้นทุนเอ็นจีวี ในขณะที่ผลการศึกษาคาดราคาแนวท่อจะประกาศให้เท่ากับราคาต้นทุนผลิตไฟฟ้าของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ด้านนักวิชาการหนุนปรับราคาแอลพีจี
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ราคาเอ็นจีวีในขณะนี้รอผลการศึกษาต้นทุนค่าผ่านท่อก๊าซฯ ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งจะมีการปรับขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหนหลังจากปรับราคามา 4 ครั้ง เป็นอัตรา 10.50 บาท/กก. นั้น ก็คงจะต้องดูรายละเอียดทั้งหมด โดยในส่วนของ ปตท.หากจะไม่ลงทุนสร้างปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มอีก ก็เป็นนโยบายของ ปตท. หลังจากที่มีข้อเสนอของเอกชนที่ระบุว่าต้นทุนการสร้างปั๊มของเอกชนต่ำกว่า ปตท.
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระทรวงพลังงานให้ สถาบันฯ ร่วมศึกษาต้นทุนเอ็นจีวี ซึ่งล่าสุด มีแนวโน้มว่าจะประกาศราคาเอ็นจีวีตามแนวท่อก๊าซฯให้เป็นราคาเดียวกับราคาที่ จำหน่ายเพื่อผลิตไฟฟ้าให้ กฟผ. ซึ่งต่อไปค่าลงทุนการจำหน่ายและขนส่ง การจัดการ รวมทั้งการสร้างสาถนีบริการก็จะเป็นสิ่งที่เอกชนจะลงทุน โดยหากเปรียบราคาเนื้อก๊าซธรรมชาติ เมื่อปี 2554 ที่ราคา 260 บาทต่อล้านบีทียู ราคาเนื้อก๊าซเอ็นจีวีตามแนวท่อจะอยู่ที่ประมาณ 8.78 บาทต่อ กิโลกรัม โดยขณะนี้ ปตท.กำลังลงทุนเพื่อสร้างท่อก๊าซฯ ขยายการขนส่ง ภาคอีสานจาก แก่งคอย สระบุรี ไป นครราชสีมา และขอนแก่น ส่วนภาคเหนือจะขยายสร้างท่อจากแก่งคอยไปจ.พิษณุโลก
“ราคาก๊าซของ กฟผ. จะเป็นการเฉลี่ยรวมราคาก๊าซฯ อ่าวไทย ก๊าซพม่า และราคานำเข้าแอลเอ็นจี ซึ่งภาคเอกชนมีการยอมรับราคาเฉลี่ยมากขึ้น โดยราคาขายปลีกเอ็นจีวีปัจจุบันมีการนำเรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปรับ คุณภาพก๊าซฯ ใส่เข้าไปด้วย ทางเอกชนก็เสนอว่าควรจะนำเรื่องสัดส่วนผสมนี้ออกไป ต้นทุนจะต่ำลง” นายศิริ กล่าว
นายไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ลดการอุดหนุน โดยเฉพาะก๊าซแอลพีจี เพราะจะเห็นได้ว่าแต่ละปีมีมูลค่ามหาศาล และไม่ได้อุดหนุนเฉพาะคนไทยด้วยกันเท่านั้น แต่มีขบวนการลักลอบส่งออกไปเพื่อนบ้าน และได้ประโยชน์จากการอุดหนุนที่เป็นเงินจากประชาชนผู้ใช้รถ.
สำนักข่าวไทย 27 ส.ค.55