กรุงเทพฯ 4 เม.ย.- นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเปิดประมูลการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ หรือไอพีพี หรือไม่อย่างไร โดยจะต้องรอการจัดทำแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าระยะยาว หรือพีดีพีรอบใหม่ให้เสร็จสิ้น ซึ่งจะต้องรอการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน แห่งชาติ หรือ กพช. โดยแผนพีดีพีดังกล่าวจะต้องพิจารณาถึงภาพรวมด้านความมั่นคงของประเทศ และในส่วนตัวก็ยังไม่กำหนดตัวเลขการประมูลไอพีพีแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนพีดีพีฉบับใหม่เป็นการปรับปรุงจากแผนเดิม โดยเป็นแผน 20 ปี คือตั้งแต่ปี 2553-2573 โดยในแผนดังกล่าวได้เลื่อนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ออกมาจากแผนทั้งหมด รวม 5,000 เมกะวัตต์ โดยจะมีการใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นทดแทน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และพลังงานทดแทน รวมทั้งการจัดซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ตามแผนพีดีพีเดิมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะแบ่งสัดส่วนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.จะเป็นผู้ลงทุนร้อยละ 50 และที่เหลือเป็นเอกชนเพื่อสร้างสมดุลทางด้านความมั่นคง
นายอารักษ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะวิกฤติ ด้านพลังงานของประเทศ โดยได้มีการสมมติสถานการณ์การขาดแคลนพลังงาน ซึ่งจะกระทบทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถเห็นปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหาจริง และเตรียมพร้อมรองรับให้ประเทศไทยมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยในเร็ว ๆ นี้ พม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติในช่วงวันที่ 8-17 เมษายนนี้ และเพื่อรองรับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบกว่าร้อยละ 80 จากกำลังการกลั่นรวม 900,000 บาร์เรลต่อวัน และพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าร้อยละ 70. -สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย วันพุธ ที่ 04 เม.ย. 2555
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนพีดีพีฉบับใหม่เป็นการปรับปรุงจากแผนเดิม โดยเป็นแผน 20 ปี คือตั้งแต่ปี 2553-2573 โดยในแผนดังกล่าวได้เลื่อนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ออกมาจากแผนทั้งหมด รวม 5,000 เมกะวัตต์ โดยจะมีการใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นทดแทน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และพลังงานทดแทน รวมทั้งการจัดซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ตามแผนพีดีพีเดิมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะแบ่งสัดส่วนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.จะเป็นผู้ลงทุนร้อยละ 50 และที่เหลือเป็นเอกชนเพื่อสร้างสมดุลทางด้านความมั่นคง
นายอารักษ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะวิกฤติ ด้านพลังงานของประเทศ โดยได้มีการสมมติสถานการณ์การขาดแคลนพลังงาน ซึ่งจะกระทบทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถเห็นปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหาจริง และเตรียมพร้อมรองรับให้ประเทศไทยมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยในเร็ว ๆ นี้ พม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติในช่วงวันที่ 8-17 เมษายนนี้ และเพื่อรองรับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบกว่าร้อยละ 80 จากกำลังการกลั่นรวม 900,000 บาร์เรลต่อวัน และพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าร้อยละ 70. -สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย วันพุธ ที่ 04 เม.ย. 2555