ปตท.สผ.มั่นใจได้ข้อสรุปเข้าไปถือหุ้นแหล่งผลิตLNGในต่างประเทศอย่างน้อย 1 โครงการในครึ่งแรกของปีนี้ คาดภายใน5-7ปีข้างหน้าไทยนำเข้าLNGเพียง 2-4 ล้านตันต่อปี ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านตัน หากสำรวจพบก๊าซฯในอ่าวไทยเพิ่มเติมและพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยว ไทย-กัมพูชาได้
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)(PTTEP) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าไปลงทุนถือหุ้นในแหล่ง ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)ในต่างประเทศอย่างน้อย 1 โครงการ ซึ่งออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีแหล่งสำรวจและผลิตLNGรายใหญ่ของโลก
การเข้าไปถือหุ้นในแหล่งผลิตLNG นั้นสอดคล้องกับนโยบายบริษัทแม่ คือปตท. ที่ต้องการให้ปตท.สผ.เข้าไปถือหุ้นในโครงการต้นน้ำ(Up Stream)ด้วยหลังปตท.ทำสัญญาซื้อขายLNGระยะยาว โดยเจ้าของแหล่งผลิตLNG ก็พร้อมที่จะให้ปตท.สผ.เข้าไปถือหุ้นด้วย เพียงแต่สัดส่วนการถือหุ้นจะเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจา
ทั้งนี้ ไทยมีแนวโน้มการนำเข้าLNG ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้าประมาณ 2-4 ล้านตันต่อปี ต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมของปตท.ที่เคยประเมินว่าไทยจะนำเข้าLNGสูงถึง 10 ล้านตันต่อปี สาเหตุที่มองว่าไทยนำเข้าLNG ไม่มากนัก เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากการผลิตก๊าซฯเพิ่มเติมในแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย และอันดามัน และการพัฒนานำปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาขึ้นมาใช้ แต่ทั้งนี้คงต้องรอแผนพัฒนาการกำลังผลิตไฟฟ้า(PDP)ใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าไทยต้องนำเข้าLNGประมาณ 1.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่นำเข้าเพียง 1 ล้านตัน
สำหรับความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนในแหล่งสำรวจปิโตรเลียมM 11 ที่สหภาพพม่านั้น น่าจะได้ข้อสรุปผู้ร่วมทุนภายในไตรมาส 1/2555 โดยจะเซ็นสัญญาร่วมทุน 1-2 ราย ซึ่งปตท.สผ.จะยังคงถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 40-50% โดยเปิดช่องให้รัฐบาลพม่าร่วมเข้าถือหุ้นด้วยตามสัญญา 20% โดยปลายปีนี้จะเริ่มสำรวจทางธรณีวิทยาการวัดคลื่นไหวสะเทือน
ส่วนแปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกที่ได้รับสัมปทานเพิ่มเติมจากรัฐบาลพม่าจำนวน 2 แปลง คือ แปลง G และ ET2 คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สหภาพพม่าได้มีการเปิดประเทศมากขึ้น มองว่าไทยได้เปรียบเนื่องจากเข้าไปลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในสหภาพพม่า มานาน ซึ่งการทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลพม่าก็เป็นไปได้ด้วยดี รัฐบาลพม่ารักษากฎ กติกาดี และการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการแซงชั่นอิหร่านจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายเฉลี่ย 2.65 แสนบาร์เรลต่อวัน