เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 รายงานข่าวจาก นสพ.ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่าเวลา 12.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นายเกรียงไกร นาควะรี และนายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความ นำโจทก์และผู้เสียหายจากการใช้รถยนต์ฟอร์ด จำนวน 300 ราย เดินทางมาฟังคำวินิจฉัยของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กรณียื่นฟ้องแบบกลุ่ม (Class action) เพื่อเอาผิดกับบริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือ เนื่องจากผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ชำรุดบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา และทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงภัยอันตราย โดยกลุ่มผู้เสียหายคาดหวังให้ศาลรับฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่มรายแรกของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในระหว่างการเดินทางมาที่ศาล สมาชิกผู้เสียหายรายหนึ่งประสบปัญหารถยนต์ฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า มีความร้อนขึ้นสูง มีควันออกจากห้องเครื่องไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ จนต้องเรียกรถยกมารับไปจากบริเวณหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้
นายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความกลุ่มเหยื่อรถยนต์ฟอร์ด กล่าวว่า จากกรณีผู้ใช้รถยนต์จำนวนมากเดือดร้อนเสียหายจากการที่บริษัทรถยนต์ฟอร์ดผลิตและจำหน่ายสินค้ารถยนต์ไม่ได้มาตรฐาน รถยนต์มีสภาพชำรุดบกพร่องหลายรายการ ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงอันตราย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ผู้เสียหายกว่า 300 ราย จึงได้รวมตัวยื่นฟ้องบริษัทฟอร์ด โดยยื่นเรื่องขอให้ศาลรับพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นคดีแบบกลุ่ม เนื่องจากมีผู้ใช้รถจำนวนมากที่ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน และในวันนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้นัดเปิดการไต่สวนครั้งแรก เพื่อวินิจฉัยว่าจะรับพิจารณาเป็นคดีแบบกลุ่มหรือไม่ ซึ่งหากศาลรับพิจารณาคดีนี้ให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ก็จะถือเป็นคดีแบบกลุ่มคดีแรกของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ศาลได้พิจารณาคำไต่สวนของทั้งฝ่ายโจทก์และพยานแล้วเห็นชอบให้เลื่อนการไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 11 ก.ย.2560 เวลา13.00น. เนื่องจากทนายจำเลยขอเลื่อนการไต่สวน โดยอ้างว่าเอกสารคำร้องของโจทก์มีจำนวนมากทำให้ไม่มีเวลาศึกษาได้ทัน ส่วนทางทีมทนายโจทก์ได้ร้องขอให้ศาลเร่งรัดกระบวนการ เนื่องจากผู้เสียหายจำนวนมากมีความเสี่ยงในการใช้รถยนต์ที่ชำรุดบกพร่อง
“อยากให้ผู้เสียหายมั่นใจ ไม่ต้องกังวล ศาลท่านต้องเห็นใจในความเดือนร้อนของประชาชน และอำนวยความยุติธรรม และคาดหวังว่าศาลจะรับพิจารณาฟ้องร้องแบบกลุ่ม ซึ่งมีข้อดีคือการทำงานของศาลง่ายขึ้น ลดค่าใช้จ่าย ลดปริมาณงาน และรวดเร็วขึ้น เนื่องจากคดีในชั้นศาลมีเป็นจำนวนมาก หากฟ้องเดี่ยวจะทำให้การพิจารณาล่าช้า ทางเราคาดหวังว่าคดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ไม่ให้ผลิตสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกมาจำหน่ายอีก” นายเกรียงไกร กล่าว
นายจิณณะ แย้มอ่วม หนึ่งในทีมทนายความกลุ่มเหยื่อรถยนต์ฟอร์ด กล่าวว่า ทีมทนายได้เตรียมพยานไว้ 10 ปาก สำหรับการไต่สวนตามคำร้อง ให้ศาลเห็นว่าคดีลักษณะนี้สามารถฟ้องร้องแบบกลุ่มได้ เนื่องจากไม่เหมือนคดีทั่วไป เพราะเป็นความเดือนร้อนที่กระทบเป็นวงกว้าง เมื่อหน่วยงานรัฐไม่ตอบโจทย์ ผู้เสียหายจึงต้องพึ่งศาล และหวังว่าบริษัทฟอร์ดจะไม่ประวิงเวลา หันมาทำตามข้อกำหนดเยียวยาผู้เสียหายอย่างแท้จริงโดยไม่ชักช้า และหวังว่าศาลจะพิจารณาให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่ศาลฎีกากำหนด โดยให้อยู่ในกรอบเวลาเพื่อความกระชับรวดเร็ว นำไปสู่การแก้ไขปัญหาของผู้เสียหายเดือดร้อนที่มีจำนวนมาก
“เราฟ้องคดีแบบกลุ่มเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้สังคม ไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก ผู้บริโภคก็ต้องตื่นตัวออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการได้ใจ ผู้ประกอบการก็ต้องหยุดเอาเปรียบ และอย่าใช้เล่ห์กลบั่นทอนกำลังใจผู้บริโภค” นายจิณณะ กล่าว
นายทัฬห์ ธนาดุลบุลิน หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายจากกลุ่มเหยื่อรถยนต์ฟอร์ด กล่าวว่า เรารอวันนี้มา 3 เดือน เพื่อมารับฟังคำวินิจฉัยของศาล ว่าศาลท่านจะดำเนินคดีในแบบกลุ่มหรือไม่ เราไม่อยากให้ยืดเยื้อ ไม่อยากให้ขยายเวลา อยากให้เห็นใจผู้บริโภคที่เดือนร้อน ส่วนบริษัทฟอร์ดก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ตอนนี้ตนเองยังต้องเสียเงินซ่อมรถ และใช้รถแบบเสี่ยงอันตราย และจากการเก็บข้อมูลปัญหาผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ด พบว่าช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีกรณีไฟไหม้ห้องเครื่องและตัวรถไปแล้ว 3-4 ราย อีกทั้งผู้ใช้รถจำนวนมากพบปัญหาระบบเกียร์กระชาก กระตุก เบรคไม่อยู่ เกียร์หยุดทำงาน เร่งความเร็วไม่ขึ้น และปัญหาชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เสื่อมสภาพเร็วกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่น
ขณะที่ นางสาวฌนิฏา สุขขวัญ หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายจากกลุ่มเหยื่อรถยนต์ฟอร์ด กล่าวว่า วันนี้ศาลเลื่อนการไต่สวนออกไป ทางกลุ่มเหยื่อรถยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เสียหายจากรถฟอร์ด จึงจะใช้โอกาสนี้ขยายเวลาเปิดรับคำร้องเข้าร่วมฟ้องกลุ่มจากผู้ใช้รถรายใหม่เพิ่มเติม เพราะหลังจากที่ทางกลุ่มปิดรับเอกสารคำร้องในรอบแรกไปแล้ว ที่ผ่านมา ยังมีผู้เดือดร้อนจากการใช้รถฟอร์ดติดต่อขอเข้าร่วมฟ้องกลุ่มเพิ่มเข้ามาอีกจำนวนมาก โดยผู้เสียหายที่ต้องการร่วมฟ้องกลุ่มสามารถติดต่อกลุ่มได้ที่เพจเฟซบุค “เหยื่อรถยนต์”
ข้อมูลและภาพจาก นสพ.ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 3 ก.ค.60