ดีเดย์...สมัชชาผู้บริโภค เสนอปฏิรูปกระบวนการทำกม.รัฐ ร้องหน่วยงานแก้กฎหมาย หลังพบปัญหาอื้อ

ดีเดย์...สมัชชาผู้บริโภค เสนอให้ปฏิรูปกระบวนการทำกฎหมายของรัฐสภา เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคให้สามารถคืน สินค้าใหม่ในกรณีชำรุดบกพร่อง  พร้อมจัดตั้งสภาผู้บริโภค ขึ้นตรวจสอบการทำงานและการบังคับใช้กฎหมายของรัฐเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค หลังจากที่ผ่านมาพบปัญหาอื้อ

รศ. ดร. จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า คณะกรรมการได้ทำหน้าที่ตามที่เขียนไว้ในร่างกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้ม ครองผู้บริโภค พ.ศ. ... โดยได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นและตรวจสอบการคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานรัฐ พบว่า ไม่ให้ความสำคัญต่อเหตุผลที่องค์กรผู้บริโภคเสนอ ได้แก่ การขึ้นค่าทางด่วน การประมูล 3 G การขึ้นค่าก๊าซ LPG และการให้ความเห็นต่อกรณีการขยายระยะเวลาสัมปทานคลื่น 1800  ซึ่งเสียผลประโยชน์ต่อประเทศ และผลกระทบต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังพบว่า การแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนมุ่งเน้น แก้ปัญหาเป็นรายกรณี ไม่มุ่งป้องกัน หรือปรับปรุงหลักเกณฑ์  และมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในหลายหน่วยงาน
               

คณะ กรรมการ ฯ เห็นว่า สิ่งที่เราต้องแก้ไขมากที่สุด คือการปรับปรุงกระบวนการทำกฎหมายของรัฐสภา เห็นได้จากกฎหมายองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่ผลักดันมากกว่า 16 ปี ใช้เวลาพิจารณาในรัฐสภามากกว่า 5 ปี ก็ยังไม่แล้วเสร็จ หากไม่ใช่กฎหมายรัฐบาล พร้อมจะจัดตั้งสภาผู้บริโภคเพื่อตรวจสอบ และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
               

ในส่วน ข้อเสนอด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย. ต้องส่งเสริมให้เกิดฉลากอาหารที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค โดยใช้มาตรการฉลากโภชนาการแบบสีสัญญาณไฟจราจร ในขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม แทนที่ฉลากโภชนาการแบบสีเดียว (ฉลาก GDA / ฉลากหวานมันเค็ม) มีระบุฉลากสารที่จะก่อการแพ้ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานสารเคมีตกค้างในอาหารที่ปลอดภัยและชัดเจนของประเทศ
               

สำหรับ ข้อเสนอด้านสินค้าและบริการทั่วไป ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรตั้งคณะทำงานร่วมยกร่างกฎหมายจัดการปัญหาสินค้ามือ หนึ่งชำรุดบกพร่อง ให้สิทธิและหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และควรดำเนินการให้ผู้บริโภคไทยเข้าถึงข้อมูลการเตือนเรื่องสินค้า (Product Alerts) ในอาเซียน
               

ข้อเสนอด้านบริการสาธารณะ ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ ต้องยกเลิกรถโดยสารสองชั้นในเส้นทางเสี่ยง และการช่วยเหลือชดเชยเยียวยาต้องเป็นไปตามความร้ายแรงของการละเมิด
               

นอก จากนี้หน่วยงานรัฐต้องหาทางสนับสนุน การทำงานขององค์กรผู้บริโภค หรือใช้รูปแบบจากสิงคโปร์ในการเก็บเงินจากผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกร้องเรียน โดยกระบวนการพิจารณาจะต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรมเคร่งครัด และเป็นมิตรกับประชาชน มีกระบวนการเยียวยาความเสียหายจากการรับบริการนั้นๆ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังเห็นว่าหน่วยงานควรมีหน่วยให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อจากการรับบริการอีก อย่างไรก็ตามขณะนี้เราได้จัดทำข้อเสนอสำหรับการคุ้มครองผู้บริโภคทั้ง 7 ด้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามข้อเสนอต่อไป
               

รศ. ดร. จิราพร กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างกรณีของรถโดยสารสาธารณะที่มีปัญหาการตาย โดยเฉพาะรถทัวร์ 2 ชั้นซึ่งมีปัญหามากในขณะนี้เราเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนที่จะมาควบคุมเรื่องมาตรฐานของรถ คนขับรถ ผู้ประกอบการ ที่สำคัญคือ ในการอนุญาตรถโดยสารคันใหม่ควรเปิดเฉพาะรถทัวร์โดยสารชั้นเดียว ทั้งนี้เพื่อลดการใช้รถทัวร์โดยสาร 2 ชั้นที่ค่อนข้างมีปัญหามาก นอกจากนี้ยังต้องบังคับใช้กฎหมายการจราจร การบังคับใช้เส้นทาง และการปรับปรุงถนนให้เหมาะสม โดยเฉพาะเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เช่น เส้นทางบริเวณทางเขา ที่มีทางโค้งและทางลาดชันค่อนข้างมาก นอกจากนี้อีกหน่วยงานที่มีความสำคัญคือกระทรวงศึกษาธิการต้องทบทวนการจ่าย ค่าหัวสำหรับนักเรียนที่จะไปทัศนศึกษา ในอัตราที่เพียงพอต่อการเช่ารถที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วจะต้องมีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม มีการเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครอง และไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิดแต่ให้แยกเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ออกจากค่ารักษาพยาบาล
               

หรืออย่างกรณีข้อเสนอด้าน บริการสาธารณะของพลังงานเราเห็นว่ารัฐบาลจะต้องปรับปรุงโครงสร้างกิจการ พลังงานทั้งระบบให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค และส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและการอนุรักษ์พลังงานอย่างจริงจัง เพื่อลดสัดส่วนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศให้ลดน้อยลง โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการคือ 1.ยกเลิกนโยบายการจัดสรรก๊าซ LPG ให้ปิโตรเคมีใช้เป็นลำดับแรก แต่ให้จัดสรรให้กับประชาชนเป็นอันดับแรกโดยเฉพาะภาคครัวเรือนโดยคิดราคาตาม ต้นทุนที่แท้จริงบวกกำไรที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อผู้ใช้และผู้ผลิต ไม่ใช่ไปอิงราคาตลาดโลก 2.สร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติเพิ่มให้เพียงพอต่อปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ 3.ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีการเก็บเงินจากประชาชนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้โครงสร้างน้ำมันสำเร็จรูปไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง 4.มีมาตรการเพื่อยุติการผูกขาดของบริษัท ปตท. ฯ ในกิจการพลังงานของไทย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม 5.ยกเลิก พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และออกกฎหมายปิโตรเลียมฉบับใหม่ โดยให้ประมูลสัมปทานการสำรวจและขุดในระบบสัญญาแบ่งปัน ที่มีรัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งการทำพลังงานไปใช้ต้องเกิดประโยชน์กับประชาชน ที่สำคัญคือให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นแทนบริษัท ปตท.ฯ 6.แก้กฎหมายห้ามมิให้ข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและกำกับ ดูแลการพลังงาน เข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทพลังงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จนกว่าจะเกษียณอายุแล้ว 2 ปี 7.ให้มีศูนย์สารสนเทศด้านพลังงานที่เป็นอิสระ เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลในกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีระบบ มีอิสระ ไม่ซ้ำซ้อน หรือก่อให้เกิดความสับสน เข้าถึง เข้าใจได้ง่าย และเป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการประกอบ กิจการพลังงานได้มากขึ้น
               

สำหรับ ข้อเสนอด้านที่อยู่อาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องกำหนดมาตรฐานสัญญาเช่า ปรับปรุงสัญญาซื้อขายบ้านและอาคารชุด ให้เป็นธรรมและมีมาตรฐานเดียว และเพิ่มมาตรฐานการรับรองโครงสร้างอาคารและอุปกรณ์ให้ระยะเวลาการคุ้มครอง ผู้บริโภคยาวนานขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากพบความชำรุดบกพร่องหรือเกิดปัญหาซ้ำเดิม ซ่อมแล้วซ่อมอีกต้องกำหนดมาตรการลงโทษผู้ประกอบการ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจัง
               

ส่วนข้อ เสนอด้านสื่อและกิจการโทรคมนาคม ในส่วนของ กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจังและให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภค มากที่สุด และไม่เอื้อประโยชน์กับบริษัทเอกชนทั้งทางตรงและทางอ้อม หากพบการกระทำผิดหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีบทลงโทษที่เหมาะสมตาม ที่กฏหมายกำหนดไว้ ขณะเดียวกัน กทค. ควรแก้ไขประกาศกระบวนการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมชัดเจน สามารถป้องกันการละเมิดสิทธิผู้บริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตได้ และต้องสามารถควบคุมการโฆษณที่ผิดกฎหมาย ทั้งไม่ขออนุญาต เกินจริง และเป็นเท็จได้
               
ด้านนางสาวสารี  อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการองค์การอิสระ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ได้มีคณะทำงานซึ่งมีนักวิชาการด้านต่าง ๆ ช่วยสนับสนุนการจัดทำวิจัยเพื่อเสนอมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคใน 7 ด้าน คือ 1.การศึกษาบริการฉุกเฉิน และความไม่ครอบคลุมของบริการสาธารณสุขของแรงงาน ซึ่งจากปัญหาของประชาชนในการใช้บริการในกรณีฉุกเฉิน และมีความเหลื่อมล้ำกันของ 3 กองทุนสวัสดิการข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หรือปัญหาความรับผิดชอบของโนรงพยาบาลเอกชนต่อสุขภาพองคนไทย 2.ศึกษาการกำกับดูแลบริการการบินต้นทุนต่ำในต่างประเทศ และจัดทำข้อเสนอต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคกรณีใช้รถโดยสาร 2 ชั้น ที่จะเห็นว่าไม่ได้มาตรฐาน มีการดัดแปลงผิดรูปแบบ และไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัย หรือมีแต่ใช้ไม่ได้ ไม่มีการบังคับใช้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่าปกติ 3.การศึกษาการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนในระดับสำนักงานขนาดเล็ก และการจัดทำข้อเสนอต่อกิจการพลังงาน ซึ่งปัจจุบันจะพบว่ามีการผูกขาดของกลุ่มธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ กลุ่ม เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคในด้านโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างราคา พลังงาน โดยประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบมาที่สุด และขาดระบบรวมทั้งกลไกการอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน 4.ด้านโทรคมนาคมที่มีการแก้ปัญหาแบบรายกรณี ไม่บังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง 5.ปัญหาการฉ้อโกงและคุณภาพการก่อสร้างด้านที่อยู่อาศัย 6.การศึกษากฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีความชำรุดบกพร่องของสินค้าแต่ ไม่สามารถใช้สิทธิในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนคืนได้ (Lemon Law) ในประเทศเยอรมันและสิงคโปร์ 7.การศึกษาด้านการกำกับดูแลค่าธรรมเนียมในต่างประเทศ โดยปัญหาขณะนี้พบว่าธนาคารต่างๆ หันมาประกอบธุรกิจประกันชีวิต หลักทรัพย์ และ กองทุน มีผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่น ปัญหาบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจเช่าซื้อ และ บริการอื่น ๆ ของธนาคารพาณิชย์ และจากการตรวจสอบข้อการร้องเรียนพบว่า บางกรณีเกิดจากการที่ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) มีการบิดเบือนข้อมูลผลประโยชน์และภาระค่าใช้จ่าย ยัดเยียดการขาย บังคับขายพ่วงประกันชีวิตที่ทางธนาคารเป็นผู้รับประโยชน์ สร้างสิ่งจูงใจเพื่อล่อให้ซื้อบริการแต่ในทางปฏิบัติกลับพบเงื่อนไขมากมาย รวมถึงการปล่อยเงินกู้ที่ไม่เป็นธรรม
 ทั้งนี้ในงานสมัชชาผู้บริโภค ประจำปี 2557 นี้ ได้จัดให้มีการโหวตหน่วยงานที่ผู้บริโภคสามารถดำเนินการเรื่องร้องเรียนและ แก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคได้ดีที่สุด  ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)

 

รางวัลบุคคลใช้สิทธิยอดเยี่ยม ปี 2556 ผู้ที่ได้รับรางวัล มี 2 รางวัล ได้แก่
1.นาย ประทีป เข็มกำเนิด ที่คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นผู้ที่พิทักษ์สิทธิตนเอง มีการพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้เดือนร้อนอื่นๆ
2.นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร จากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพิทักษ์สิทธิตนเอง

 

ส่วนรางวัล กลุ่มใช้สิทธิยอดเยี่ยม ปี 2556   กลุ่มที่ได้รับรางวัล มี  2   รางวัล คือ
1.กลุ่ม ผู้เสียหายจากกรณีรถยนต์มือหนึ่งชำรุดบกพร่อง จากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นกลุ่มที่สร้างการมีส่วนร่วมและติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง
2.กลุ่ม ผู้เสียหายจากกรณีร้องเรียนแคลิฟอร์เนียฟิตเนส ว้าว จากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นกลุ่มที่มีความมุ่งมั่น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไม่ควรเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีการอาศัยธุรกิจ มาเอาเปรียบผู้บริโภค

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน