กลุ่มโรคไต ร้อง สปส.ปรับค่าฟอกเลือดเป็น 1,500 บ.เพื่อความเท่าเทียม หลังผู้ป่วยก่อนเข้า สปส.ยังคงได้ค่าฟอกเลือดเพียง 1,000 เท่าสิทธิบัตรทอง ขณะผู้ป่วยหลังเข้า สปส.ได้ 1,500 บ.ด้าน สปส.แจง ต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง
วันนี้ (19 ม.ค.) นายสุบิน นกสกุล ประธาน ชมรมเพื่อนโรคไต กล่าวถึงสิทธิเข้าถึงการรักษาโรคไตในระบบของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า ปัจจุบันนี้สิทธิการรักษาโรคไตของ สปส.เทียบเท่ากับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง แล้ว เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนไต การปลูกถ่ายไต เป็นต้น แต่ในส่วนของค่าฟอกเลือดของผู้ประกันตนในระบบ สปส.ระหว่างผู้ป่วยโรคไตก่อนเข้าสู่ระบบ สปส.กับผู้ป่วยหลังเข้าสู่ระบบ สปส.แล้ว ยังคงแตกต่างกันอยู่ จึงอยากให้ทางสปส.ปรับค่าใช่จ่ายข้างต้นให้เท่าเทียมกัน
นายสุบิน กล่าวว่า เมื่อ เร็วๆ นี้ ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างชมรมเพื่อนโรคไต ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข และตัวแทนจากทาง สปส.ในเรื่องสิทธิการรักษาของผู้ป่วยโรคไต เพราะขณะนี้ทาง สปส.ได้เปลี่ยนระบบการจ่ายค่ารักษาเป็นแบบตามกลุ่มโรคร้ายแรง (ดีอาร์จี) แล้ว จึงต้องมีการหารือร่วมกันถึงรายละเอียดของโรคไตในการการกำหนดน้ำหนักของแต่ ละระดับว่าการป่วยโรคไตระดับนี้จะอยู่ในน้ำหนักเท่าใด
“ทั้ง นี้ ยังได้มีการเรียกร้องให้ผู้ป่วยโรคไตก่อนเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ที่ขณะนี้ได้รับเงินค่าฟอกเลือด 1,000 บาท เท่ากับสิทธิของบัตรทอง แต่ผู้ป่วยหลังจากเป็นผู้ประกันตนในระบบ สปส.ได้รับเงินค่าฟอกเลือด 1,500 บาท ทำให้ผู้ประกันตนที่ป่วยก่อนเข้าระบบ สปส.ต้องจ่ายส่วนต่างเองเป็นเงิน 500 บาท จึงอยากให้ทาง สปส.ปรับค่าฟอกเลือดให้เท่าเทียมกัน” นายสุบิน กล่าว
ด้านนพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ผอ.สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สปส.กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาโรคร้ายแรงได้ตามระบบการจ่ายค่า รักษาเป็นแบบตามกลุ่มโรคร้ายแรงแล้ว โดยการจ่ายค่ารักษาจะไม่ซ้ำซ้อนกับงบที่จ่ายตาม 7 กลุ่มโรคร้ายแรงที่ประกาศใช้ไปเมื่อปี 2554 ทั้งนี้ในส่วนของโรคไต ขณะนี้สิทธิการรักษาได้ปรับให้เทียบเท่ากับบัตรทองหมดแล้ว
“ในส่วนของค่าฟอกเลือดของผู้ป่วยก่อนเข้าสู่ระบบ สปส.นั้น จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางในการปรับเพิ่มค่าฟอกเลือดของผู้ประกันตนกลุ่มนี้ พร้อมกับผู้ป่วยในระบบบัตรทอง ให้ได้รับค่าฟอกเลือด 1,500 บาท เท่ากับผู้ป่วยหลังเข้าสู่ระบบ สปส.เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่นกัน” นพ.สุรเดช กล่าว