คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่ง ชาติ เห็นชอบร่างนโยบายแห่งชาติด้านยา และร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาอย่างเสมอภาค ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ลดปัญหาเชื้อดื้อยาและรายจ่ายค่ายาที่ไม่จำเป็น
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ คณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดราคากลางยา คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล และคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2553 และมีมติเห็นชอบในหลักการของร่างนโยบายแห่งชาติด้านยา พ.ศ. ... และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การ เข้าถึงยา 2.การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพร เพื่อการพึ่งพาตนเอง และ 4.การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของยา
“ทั้งหมดนี้จะทำให้ระบบยาของประเทศไทยมีความมั่นคง ประชาชนเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิผลในการรักษาโรคอย่างเสมอภาค มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ประเทศพึ่งพาตนเองได้ โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในเร็วๆ นี้ และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป”
นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไขในขณะนี้ก็คือ การใช้ยาอย่างไม่สมเหตุสมผล มีการใช้ยาเกินความจำเป็นทั้งในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน รวมทั้งการซื้อยาใช้เองของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาปฏิชีวนะ ทำให้เชื้อโรคดื้อยาหลายชนิด ทำให้ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้น จำเป็นต้องใช้ยาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีราคาแพงขึ้นเพื่อนำมารักษา ข้อมูลในปี 2548 พบว่าคนไทยเสียค่ายาถึง 103,517 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ กว่าร้อยละ 50 เป็นการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความรู้ประชาชนให้ใช้ยาเท่าที่มีความ จำเป็น รู้ว่ายาชนิดใดควรใช้ ยาชนิดใดที่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ขณะเดียวกันจะเน้นการส่งเสริมจริยธรรมทั้งแพทย์ เภสัชกรและผู้ขายยาซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ได้จัดทำบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ระบุรายการยาที่จำเป็นในการรักษาโรค เหมาะสมสำหรับใช้ในสถานพยาบาล ซึ่งในปีงบประมาณ 2554 จะมีการทบทวนปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติทั้งฉบับ ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาจากสมุนไพร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศต่อไป
“ก่อนใช้ยา ขอให้ประชาชนอ่านฉลากกำกับยา อ่านรายละเอียดวิธีการใช้ ข้อห้าม ข้อควรระวัง และรับประทานยาให้ตรงเวลาและครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง อย่าหยุดยาเมื่ออาการดีขึ้น และไม่ควรซื้อยากินเองโดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เพราะจะทำให้เกิดการดื้อยาได้” นพ.ไพจิตร์กล่าว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กันยายน 2553