อย.จับครีมหน้าขาวเวียด

อย.ร่วมมือทหารพราน จับกุมชาวกัมพูชา นำเข้าครีมหน้าขาว “เบ๋าดั๋ม” จากเวียดนามผ่าน “อรัญประเทศ” ขายในฝั่งไทย พบเกลื่อนในตลาดโรงเกลือ เผย เป็นชนิดเดียวกับสาวเขมรใช้แล้วตับวายเฉียบพลัน จนเสียชีวิตเมื่อ มี.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ด่านอาหารและยาอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นพ.พงษ์พันธ์ วงศ์มณี รอง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วย นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว และ ร.ท.พัฒนพงษ์ รัตนประสบ รอง ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม ทพ.12 กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยา และเครื่องสำอางผิดกฎหมายลักลอบนำเข้าประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง อรัญประเทศ โดยเฉพาะครีมหน้าขาว “เบ๋าดั๋ม” จากประเทศเวียดนาม ที่เคยเป็นข่าวฮือฮา ทำให้สาวเขมร บุตรสาวของ ร.ต.อ.รอง ผบ.พัน ตชด.911 ประจำกรุงปอยเปต เสียชีวิตเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

นพ.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ด่านอาหารและยาอรัญประเทศ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค อย.ได้ดำเนินการตรวจผลิตภัณฑ์สุขภาพบางส่วนที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศไทย โดยเฉพาะกัมพูชา ในพื้นที่ด่านอรัญประเทศ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีการนำมาจำหน่ายในตลาดโรงเกลือ ซึ่งมีมากกว่า 3,500 ร้านค้า โดยผู้ประกอบการร้อยละ 90 เป็นชาวกัมพูชา อย.จึงได้ร่วมมือกับ กองร้อยทหารพรานที่ 1206 โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือน ต.ค.2552-ก.ค.2553 สามารถตรวจจับดำเนินคดียาบ้า 10 ครั้ง จำนวน 680 เม็ด ยาไอซ์ 8 ครั้ง จำนวน 200 กรัม ยาเค หรือ เคตามีน 5 ครั้ง จำนวน 100 กรัม วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 4 ครั้ง จำนวน 1,540 เม็ด และกัญชา 7 ครั้งจำนวน 750 กรัม

รอง เลขาธิการ อย.กล่าวว่า ที่ น่าเป็นห่วงคือ การลักลอบนำเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายและมีสารต้องห้ามเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ไทย ซึ่งล่าสุดสามารถจับกุมชาวเขมรลักลอบนำครีม “เบ๋าดั๋ม”จากเวียดนาม ผ่านกัมพูชาแล้วจำหน่ายในประเทศไทย โดยบรรจุเป็นวัตถุดิบใส่ถุงพลาสติกขนาดน้ำหนักประมาณถุงละ 5 กก.แล้วนำมาบรรจุใส่กระปุก หรือหลอด และติดยี่ห้อในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการลักลอบนำเข้าเครื่องสำอางลอกเลียนแบบยี่ห้อดังๆ อีกหลายยี่ห้อ ซึ่งได้มีการจับกุมเป็นระยะๆ

“ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ลักลอบนำเข้ามา มีทั้งผลิตจากประเทศจีน และเวียดนาม เป็นสินค้าเลียนแบบ และไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. บาง ชนิดตรวจพบมีส่วนผสมของสารห้ามใช้ เช่น ไฮโดรควิโนน ที่มีผลต่อการทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี เกิดผิวเป็นด่างขาว หรือฝ้าถาวร ปรอทแอมโมเนีย ที่เป็นพิษสะสมสามารถทำลายไต และอาจก่อเกิดเป็นมะเร็งผิวหนัง กรดวิตามินเอ ทำให้แสบ ร้อน แดง คัน ผิวลอก ซึ่ง ที่ผ่านมา เคยมีข่าวสาวเขมรเกิดอาการแพ้ถึงขั้นตับวายเฉียบพลัน เสียชีวิตมาแล้ว”รองเลขาธิการ อย.กล่าว

นพ.พงษ์พันธ์ กล่าวด้วยว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่มาเลือกซื้อสินค้าที่ตลาดโรงเกลือ มักนิยมเลือกซื้อเครื่องสำอาง เพราะราคาถูก หรือมีคนอื่นเคยซื้อไปใช้จึงลองซื้อไปใช้บ้าง แต่ถ้าใช้แล้วเกิดอันตรายก็ไม่กล้าบอกใคร บางคนไปหาแพทย์รักษาหายแล้วก็ไม่ใช้อีก จึงทำให้มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอยู่ตลอด จึงขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังการเลือกซื้อเครื่องสำอางจากตลาดโรงเกลือ ควรสังเกตว่า ฉลากมีตรา อย.หรือไม่ มีเลขทะเบียนที่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากไม่มีก็ไม่ควรซื้อไปใช้ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

ด้าน นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำเข้ามาผ่านด่านอรัญประเทศ อย่างต่อเนื่อง โดยการตรวจค้นสัมภาระที่ติดตัวเข้ามาในประเทศ ล่าสุด พบการลักลอบนำเข้ายาที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาสเตียรอยด์ ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาโดยชาวเขมรที่เป็นมุสลิม โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ แต่เนื่องจากเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและบางครั้งมีจำนวนมากเกินกว่าที่จะ นำไปใช้ส่วนตัว จึงได้ยึดของกลางไว้เพื่อไม่ให้มีการทะลักของยาผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยปกติการตรวจค้นสัมภาระและพบการลักลอบนำเข้ายาเหล่านี้พบประมาณวันละ 5-10 รายแต่ถ้าเป็นช่วงถือศีลอดจะพบมากถึงวันละ 100 รายที่มีการลักลอบนำเข้ามา

สำหรับกรณีครีม “เบ๋าดั๋ม” ที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นถุงๆ ครั้งนี้ ถ้านำมาบรรจุกระปุกจะติดฉลากข้าง และด้านบนกระปุกเป็นภาษาเวียตนาม ยี่ห้อ “เบ๋าดั๋ม (BAO DAM)” ลักษณะเป็นกระปุกสีขาว เนื้อครีมสีเหลือง และมีผงดำๆ ผสมอยู่ มีขายอยู่ในตลาดโรงเกลือมาระยะหนึ่งเป็นที่นิยมของทั้งชาวเขมร และชาวไทย เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมีสารพวกโลหะหนักเป็นส่วนผสม ทำให้ผิวขาว เมื่อได้รับสารปริมาณมากก็จะทำให้ตับวาย ไตวาย และติดเชื้อในกระแสเลือดอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อีกทั้งขณะนี้ ยังพบว่า มีครีมชนิดใหม่จากประเทศเวียดนาม ชื่อว่า “JICO” วางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในตลาดโรงเกลือ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นครีมชนิดเดียวกันแต่เปลี่ยนยี่ห้อและสีในการผลิต ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรระวัง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 สิงหาคม 2553 21:07 น.

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน