การเริ่มนับอายุความนั้น นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตส่วนมากกลับมีความสับสนในเรื่องนี้ ในประเด็นที่ว่า อายุความจะเริ่มนับเมื่อใดและมีอายุความกี่ปี ในบัตรเครดิตโดยทั่วไปทางเจ้าหนี้ได้ทำการแจ้งกำหนดการชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ทราบอยู่แล้ว เมื่อทางลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เมื่อใด อายุความก็จะเริ่มนับทันทีในวันถัดไป เช่นถ้าคุณใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2553 และมีใบแจ้งหนี้ให้ไปชำระหนี้ภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 และถ้าคุณไม่จ่ายตามวันดังกล่าวถือว่าคุณผิดนัดชำระหนี้ อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป ซึ่งอายุความมีกำหนด 2 ปีนับตั้งแต่คุณผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย
เมื่อคุณผิดนัดชำระหนี้แล้วก็จะมีการทวงถามเพื่อให้โอกาสแก่ทางลูกหนี้ได้ทำการชำระหนี้ แต่ถ้าทวงถามแล้วยังเพิกเฉยไม่มีการชำระหนี้เจ้าหนี้ก็จะฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แต่จะต้องฟ้องภายในกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าเจ้าหนี้ฟ้องภายในกำหนดก็ไม่มีปัญหาแต่หากว่าฟ้องเลยกำหนด 2 ปีมาแล้ว ก็ต้องถือว่า ขาดอายุความ
ซึ่งลูกหนี้ส่วนมากจะเข้าใจว่าเมื่อขาดอายุความแล้วเจ้าหนี้ฟ้องไม่ได้ก็จบกันแค่นั้นหรือถ้าฟ้อง ศาลก็คงจะไม่รับคำฟ้องนั้นเพราะขาดอายุความ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เพราะถึงจะขาดอายุความแล้วถ้าทางฝ่ายเจ้าหนี้ยื่นฟ้อง ศาลก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายตามขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป
การที่จะให้ศาลหยิบยกเอาเรื่อง การขาดอายุความขึ้นมาพิจารณา ลูกหนี้จะต้องยื่นคำให้การในเรื่องของการขาดอายุความ ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ซึ่งศาลก็จะนำมาพิจารณาตรวจสอบดูข้อเท็จจริง และถ้าหากเป็นจริงตามที่ลูกหนี้ยื่นคำให้การต่อสู้มา ทางศาลก็จะทำการยกฟ้องต่อเจ้าหนี้ต่อไป
ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีกฎหมายรองรับอยู่ตามมาตรา 193/29 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความ มาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
ท้ายที่สุดนี้ผมก็อยากจะฝากข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นข้อเตือนใจในเรื่องนี้ว่า บัตรเครดิตเหมือนดาบ 2 คม หากท่านใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังแล้ว ท่านจะไม่ต้องมานั่งเครียดในเรื่องการใช้หนี้อย่างแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าท่านใช้อย่างตามใจตนเอง บัตรพลาสติกใบเล็ก ๆ นี่แหละอาจจะทำลายชีวิตคุณทั้งชีวิตก็เป็นได้