นาย แพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่า ที่ประชุม กพช.เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2553-2573 (พีดีพี 2010) โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์สำคัญคือ การปรับค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าลดลง จากแผนพีดีพีฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (พีดีพี 2007 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และเพิ่มการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามแผนพัฒนา พลังงานทดแทน 15 ปี ของกระทรวงพลังงาน
"ที่ประชุม กพช.ยังได้มีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนพีดีพี 2010 ว่า ควรจะมีการจัดทำแผนพีดีพีสำรองอีกฉบับหนึ่ง โดยพิจารณาจากพื้นฐานกรณีไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยให้ สนพ.กลับไปศึกษามารายงานที่ประชุมใหม่อีกครั้ง" นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าว
นายชวลิต ทิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กพช.เห็นชอบในส่วนของสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงเท่านั้น โดยแผนพีดีพี 2010 ฉบับปรับปรุงมีกำลังผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 73 อยู่ที่ 66,167 เมกะวัตต์ กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 54,625 เมกะวัตต์ โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ แผนพีดีพี 2010 เดิมได้มีการกำหนดไว้ว่าจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด 13 โรง ขนาดโรงละประมาณ 800 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ แต่ล่าสุดหลังจากรับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 ครั้งแล้ว ก็ได้มีการปรับลดจำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดลงมาเหลือเพียง 9 โรง แล้วจะไปเพิ่มในส่วนของพลังงานหมุนเวียนแทน โดยที่ประชุมยังได้ให้ สนพ.ไปศึกษาหาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมในกรณีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่สามารถ เกิดได้ตามแผน แต่ถ้าไม่มีทางออกอื่นก็ต้องยอมรับว่าค่าไฟฟ้าจะต้องแพงขึ้นด้วย" นายชวลิตกล่าว
ส่วนการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) รอบ 2 ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ก่อน.