พลังงาน เร่งศึกษาโครงสร้างต้นทุนแอลพีจี-เอ็นจีวี ทั้งระบบ หวังหาข้อสรุปราคาขาย ก่อนนำข้อมูลเสนอรัฐบาล ชี้ขาดปรับราคาหรือไม่
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย และการชดเชยส่วนต่างนำเข้าแอลพีจี ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2552 ไม่เป็นภาระมากนัก ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่ ปตท.ตรึงราคาอยู่ที่ 8.50 บาทต่อลิตร กำลังดูโครงสร้างว่าทำอย่างไรให้ราคาเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการและประชาชน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาศึกษาโครงสร้างต้นทุน แท้จริงผลิตภัณฑ์ที่มาจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ได้แก่ แอลพีจี และ เอ็นจีวี รวมทั้งศึกษาโครงสร้างราคาที่เหมาะสม ปัจจุบันภาครัฐยังไม่มีข้อมูลพอที่จะตัดสินใจผลการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในการวางโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงทั้งระบบ
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า น.พ.วรรณรัตน์ มีนโยบายให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กลับมาจำหน่ายเบนซิน 95 อีกครั้งหลังหยุดจำหน่ายไปแล้ว เพื่อเป็นกลไกดูแลค่าการตลาดเบนซิน 95 ไม่ให้สูงไปจากปัจจุบัน 6.122-8 บาทต่อลิตร ที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณให้ผู้ค้าที่ยังขายเบนซิน 95 พิจารณาค่าการตลาด แต่ไม่ได้ผลมากนัก จึงต้องให้ ปตท.และบางจาก ขายเบนซิน 95 อีกครั้ง เพื่อเป็นกลไกทำให้ค่าตลาดลดลง 2-3 บาทต่อลิตร เบื้องต้นจะขอความร่วมมือเปิดจำหน่าย 20 สถานี ในเขตกรุงเทพฯ
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.จำหน่ายเบนซิน 95 ในสถานีบริการประมาณ 10 แห่ง อยู่ในถนนหลักๆ เช่น รามอินทรา เพชรเกษม โดยมีหัวจ่ายเบนซิน 95 อยู่แล้ว เพราะ ปตท.ไม่มีแผนขยายขายเบนซิน 95 ให้มากกว่าที่มีอยู่ แต่ต้องการให้เป็นแค่ทางเลือกประชาชน และรักษาระดับค่าการตลาดเท่านั้น แต่หากต้องการให้ค่าการตลาดเหมาะสม ก็สามารถใช้วิธีเก็บเงินค่าการตลาดจากผู้ค้าเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้
ด้าน ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจาก กล่าวว่า บางจากไม่มีแผนจำหน่ายเบนซิน 95 แม้ค่าการตลาดจะสูงก็ตาม เพราะต้องการเป็นกลไกหลักส่งเสริมการใช้เอทานอล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า และต้องยอมรับว่า ปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันเริ่มกำหนดทิศทางจำหน่ายน้ำมันในสถานีบริการไม่ถูก เพราะการกำหนดนโยบายไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงหลายเรื่อง