Consumerthai – 25 พ.ย. ศาลปกครองกลางนั่งบรรลังก์ พิพากษาให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างและเปิดใช้อาคาคโรงก๊าซชอบด้วยกฎหมาย กรณีชาวบ้านบางจะเกร็งยื่นฟ้องศาลขอให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร หลังใช้เวลาสืบกว่า 2 ปี 9 เดือน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 นางสาวบุญยืน ศิริธรรม ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันตก และประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวนรวม 23 คน ได้ยื่นฟ้องนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางจะเกร็งกับพวกรวม 7 คน อันประกอบด้วยกรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ต่อศาลปกครองกลาง ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมาย พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่ได้ทำการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อ เป็นสถานที่จัดเก็บ จำหน่ายและบรรจุก๊าซ บนที่ดินโฉนดเลขที่ 19693 , 17557, 13685, 19694 , 21424 และ 25736 หมู่ 1 ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม อันเป็นที่ดินที่อยู่ภายในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลกในลำดับทะเบียนเลขที่ 1099 ซึ่งถูกจัดอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติที่สำคัญอย่างยิ่งต่อระบบสิ่งแวดล้อมที่จะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้ตามสัญญาแรมซาร์และตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543
โดยให้เหตุผลว่าการออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร ในพื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงครามดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎอนุสัญญาแรมซาร์ และมติคณะรัฐมนตรี อันทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สมบูรณ์ที่สุดในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำภาคตะวันตก และเป็นแหล่งชุ่มน้ำมรดกโลกที่ควรอนุรักษ์ ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวันและความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของชาวชุมชนที่ อาศัยอยู่รอบบริเวณดอนหอยหลอดและพื้นที่ใกล้เคียง
ซึ่งที่ผ่านมาชาวชุมชนในพื้นที่ฯได้มีการคัดค้านการก่อสร้างมาตลอด แต่ไม่เป็นผล จึงได้รวมตัวกันฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร รวมถึงให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากบริเวณดังกล่าว อีกทั้งให้ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงมีคำพิพากษาเพื่อเป็นการพิทักษ์สิทธิของประชาชนพลเมืองของประเทศไทยและของโลกไว้ว่าจะได้รับการคุ้มครองให้มีพื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอดไว้ตลอดไป
และศาลได้มีคำพิพากษาว่า ให้ยกฟ้อง และถือว่าการออกใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตเปิดใช้อาคารขององค์การบริหารส่วนตำบลบางจะเกร็งนั้นชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังมีความคิดเห็นแย้งของคณะตุลาการ 1 เสียง
ด้านนางสาวบุญยืน ศิริธรรม ในผู้ประสานงานเครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันตก หลังฟังคำพิพากษาแล้วกล่าวว่าตนรู้สึกผิดหวังต่อคำพิพากษาของศาล เพราะนี่ถือเป็นการฟ้องให้เกิดบรรทัดฐานเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาแรมซาร์และตามมติคณะรัฐมนตรี ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นป่าชุ่มน้ำของประเทศไทย
“เราเกรงว่ามันจะมีการระเบิดขึ้นด้วย ซึ่งมันอยู่ในที่ชุมชนและการก่อสร้างของคลังก๊าซที่มีพื้นที่ 14 ไร่ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่เป็นชาวประมงกว่า 10,000 คนที่ต้องออกทำมาหากิน และรถที่ขนส่งก๊าซก็ส่งผลต่อบ้านเรือนริมถนนทำให้บ้านชาวบ้านร้าวแตก และรู้สึกผิดหวังมากที่เรานำเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วคดีแบบนี้หากใช้พลังชุมชนในการเคลื่อนไหวน่าจะมีพลังได้มากกว่า อย่างกรณี โครงการโรงไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์ที่ ต.บางแก้ว จ. สมุทรสงคราม ชาวบ้านได้รวมตัวกันต่อสู้ก็ชนะมาแล้ว” นางสาวบุญยืนกล่าว พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่าคำพิพากษาที่ออกมานั้นทำให้รู้สึกท้อบ้างแต่ก็จะดำเนินเรื่องอุทธรณ์ในชั้นศาลต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ดอนหอยหลอดกำลังอยู่ในอันตราย
>> ศาลปกครองรับคำไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว กรณีคลังก๊าซที่ดอนหอยหลอด
>> ศาลปกครองกลางลงพื้นที่ ต.บางจะเกร็ง เก็บข้อมูล
>> ศาลปกครองกลางยกคำร้องไม่สั่งปิดชั่วคราวคลังก๊าซเวิลด์แก๊สหวั่นกระทบเศรษกิจ