นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.เมื่อวันที่ 2 ม.ค. มีมติเห็นชอบการประกาศค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ ประจำเดือนม.ค.-เม.ย. 2556 ขึ้น 4.04 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับเอฟทีเดิม เอฟทีงวดนี้จึงเท่ากับ 52.04 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของประชาชนเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.72 บาทต่อหน่วย เป็น 3.76 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กกพ.ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาวะเศรษฐกิจ และไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จึงเห็นชอบให้ปรับขึ้นในอัตราดังกล่าว จากเดิมที่หน่วยงานผลิตไฟฟ้าเสนอปรับขึ้นในอัตรา 13.57 สตางค์ต่อหน่วย โดยต้นทุนที่มีภาระในส่วนนี้ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมรับภาระแทนประชาชนเป็นการชั่วคราวไปก่อนวงเงิน 5,131 ล้านบาท และคาดว่าค่าไฟฟ้างวดต่อไปยังปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับมติดังกล่าวสำนัก งาน กกพ.จะนำรายละเอียดทั้งหมดเผยแพร่ผ่าน www.erc.or.th เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วันที่ 2-8 ม.ค.นี้ ก่อนนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่งวดนี้เป็นต้นไป
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.2555 ว่า ขยายตัว 3.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2555 เนื่องจากราคาผัก ผลไม้สด ไก่สด เนื้อหมูสดปรับสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปีที่ผ่านมาขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.02% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 3.81% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2555 อยู่ที่ 2.09% เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ได้สูงขึ้นมากนัก และยังมีมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของรัฐบาล ในการตรึงราคาสินค้าและราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ระดับราคาสินค้าโดยเฉลี่ยทั้งปี เคลื่อนไหวไม่มากนัก
ส่วนในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 2.8-3.4% ในสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับ 28.5-32.5 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน และมาตรการตรึงราคาก๊าซแอลพีจียังมีอยู่ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร ที่จะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2556 นั้น เชื่อว่าจะไม่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นไปกว่านี้มากนัก และค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อเพียง 0.1% เชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์จะดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้ได้
นอก จากนี้ กระทรวงพาณิชย์ปรับฐานการให้น้ำหนักดัชนีราคาผู้บริโภคจากปีฐาน 2550 เป็น 2554 ด้วยการเพิ่มรายการสินค้าจาก 417 รายการ เป็นประมาณ 450 รายการ โดยจะคำนวณตั้งแต่เดือนม.ค.2556 เช่น ค่ารถตู้ระหว่างจังหวัด ค่าขูดหินปูน ค่าบริการซักแห้ง ค่าฝากเลี้ยงเด็ก ค่าเชื้อเพลิง เป็นต้น
วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2556 ข่าวสดรายวัน