ครม.สั่งเบรกขึ้นบัญชีอาหารปรุงสำเร็จเป็นสินค้าควบคุม ตีกลับให้พณ.ทำรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนนำเสนอครม.อีกครั้ง เล็งนำร่องคุมราคาอาหารในศูนย์การค้าก่อน ไฟเขียวตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวี-แอลพีจี ออกไปอีก 3 เดือน ภาคครัวเรือนตรึงราคาไปจนถึงสิ้นปี ส่วนการชะลอการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันจะพิจารณาเป็นรายเดือน ดูจากราคาน้ำมันตลาดโลกเป็นหลัก "ณัฐวุฒิ" มั่นใจร้านถูกทั้งแผ่นดินช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมให้กระทรวงพาณิชย์กลับไปจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการขอขึ้นทะเบียนราคาสินค้าอาหารปรุงสำเร็จเพิ่มเติมในบัญชีสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ที่เดิมมีสินค้าควบคุมอยู่ 42 รายการ เนื่องจากพบว่าอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติหลายประการ
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ในการประชุมครม. วันนี้ รมว.พาณิชย์พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จ ที่มีนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้เข้ามานำเสนอข้อมูลในการประชุมครม.ว่า จำเป็นต้องมีการควบคุมราคาสินค้าอาหารโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ราคาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น ฟู้ดคอร์ตของห้างสรรพสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นราคาระดับกลางที่มีข้อมูลว่ามีการปรับราคาไปมาก เช่น เพิ่มจาก 30 บาท เป็น 50 บาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูแล แต่ที่ประชุมครม.เห็นร่วมกันด้วยว่ากระทรวง พาณิชย์ต้องจัดทำรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น ต้องตีความว่าอะไรคืออาหารปรุงสำเร็จประเภท และชนิดอาหารที่จะควบคุม พื้นที่และทำเลต่างๆ ที่จะควบคุม รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย
"ครม.มีความตื่นตัวที่จะดูแลสินค้าราคาปรุงสำเร็จ เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน แต่ให้กระทรวงพาณิชย์ไปจัดทำหลักเกณฑ์ต่างๆ มาให้เรียบร้อย และนำมาเสนอครม.อีกครั้ง และไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะต้องกลับมานำเสนอเมื่อไหร่ ซึ่งคาดว่ากระทรวงพาณิชย์สามารถนำเสนอเรื่องนี้ต่อครม.ในสัปดาห์หน้า ในการประชุม สัญจรที่จ.กาญจนบุรี" นายอนุสรณ์กล่าว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมให้ไปพิจารณาร่วมกันกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ถึงการขึ้นทะเบียนราคาสินค้าอาหารปรุงสำเร็จเป็นสินค้าควบคุม โดยมีคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จร่วมด้วย เนื่องจากมีข้อจำกัดที่จะประกาศเป็นราคาควบคุมหรือราคาแนะนำ เนื่องจากอาหารปรุงเสร็จมีปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งค่าเช่าร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ด้วย ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะ นำเสนอเข้าที่ประชุมครม.สัญจรในวันที่ 20 พ.ค. นี้ทันหรือไม่
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ในที่ประชุมครม. ทางกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานเรื่องราคาสินค้า พร้อมรัฐมนตรีอีก 4-5 คนที่ได้ลงไปสำรวจราคาสินค้า และพิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่าแนวโน้มราคาสินค้าเริ่มถูกลง ในส่วนที่ถูกตั้งข้อสังเกตคือ ราคาสินค้าปรุงสำเร็จ เช่นข้าวแกง มีการจำหน่ายกันทั้งในพื้นที่สาธารณะ ศูนย์การค้า หรือเป็นร้านค้าต่างๆ ผู้บริโภคที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านไม่ได้มีโอกาสปรุงอาหารเอง ยังต้องบริโภคอาหารสำเร็จที่จำหน่ายเหล่านี้อยู่ รมว.พาณิชย์ได้แสดงความตั้งใจว่า จะดูแลในส่วนของอาหารปรุงสำเร็จ และขอปรึกษาหารือ ครม.ในส่วนของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแล แต่ความหลากหลายของอาหารปรุงสำเร็จมีตั้งแต่ข้าวแกงบนพื้นที่สาธารณะ ไปจนถึงที่อยู่ในศูนย์การค้า ที่อาจจะมีต้นทุนด้านค่าเช่า และการจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปมีทั้งเรื่องบริการและความอร่อย ซึ่งเป็นปัจจัยที่หลากหลาย ดังนั้น ต้องพิจารณาอย่างละเอียด
ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังครม.ตีกลับแผนการควบคุมราคาอาหารปรุงสำเร็จที่กระทรวงพาณิชย์เสนอว่า ตนในฐานะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องดังกล่าว จะนำเสนอแผนดังกล่าวอีกครั้งโดยจะมีการกำหนดรายละเอียดให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของรายการอาหารว่าจะมีกี่ประเภท ซึ่งจะยังเน้นรายการที่เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป รวมทั้งกำหนดขนาดปริมาณอาหารว่าจะเป็นอย่างไรเพื่อป้องกันความขัดแย้ง และจะมีการกำหนดพื้นที่จังหวัดที่จะมีการประกาศควบคุมราคาอาหาร ซึ่งเห็นว่าไม่ควรประกาศทั้งประเทศแต่ควรเลือกเฉพาะพื้นที่ 7 จังหวัดที่มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และพื้นที่ที่มีโรงงานจำนวนมากเนื่อง จากบริเวณดังกล่าวมีแรงงานอาศัยอยู่มาก ที่ต้องพึ่งพิงอาหารปรุงสำเร็จไม่ได้ทำอาหารเอง
นายยรรยง กล่าวอีกว่า การที่จะเลือกพื้นที่ในการควบคุมราคาอาหารนั้นกระทรวงพาณิชย์จะใช้ข้อมูลตัวเลขดัชนีผู้บริโภคเป็นหลักซึ่งดำเนินการมาติดต่อกันยาวนานทำให้ทราบได้ว่าจังหวัดใดค่าครองชีพเป็นอย่างไร และควรดำเนินการอย่างไร ถือเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะเสนอร่ายละเอียดดังกล่าวอีกครั้งในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ยังขอให้กรมการค้าภายใน เร่งประชาสัมพันธ์ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าหรืออาหารในราคาถูกหรือที่เป็นธรรมในแต่ละชุมชน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนให้มากขึ้น รวมทั้งทำให้ร้านค้าถูกใจเป็นที่รู้จักและเชื่อมโยงร้านถูกใจไปสู่ผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) เสนอให้ชะลอการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบออกไปก่อน โดยในส่วนของราคาน้ำมันให้ชะลอการเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เดือนละ 1 บาทต่อลิตร รวมถึงดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตรออกไป เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน แต่จะจัดเก็บเมื่อใดนั้นให้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณาให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก
นอกจากนี้ ให้ชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโล กรัม และแอลพีจี ภาคขนส่ง เดือนละ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ทำให้ราคาขายปลีกเอ็นจีวีในช่วง 3 เดือนนี้จะอยู่ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่แอลพีจี ภาคขนส่ง อยู่ที่ 21.13 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับแอลพีจี ภาคครัวเรือนให้ตรึงราคาไว้ที่ 18.13 บาทไปจนถึงสิ้นปี 2555
นายอารักษ์กล่าวว่า การชะลอการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จะพิจารณาเป็นรายเดือนไป โดยพิจารณาจากราคาน้ำมันตลาดโลก ที่มีแนวโน้มปรับลดลงหลังสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง และสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกลดลง
ส่วนผลการศึกษาโครงสร้างราคาแอลพีจี และเอ็นจีวี ที่ให้สถาบันวิจัยพลังงานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษา พิจารณาร่วมกับคณะทำงานร่วมผู้ประกอบการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค. 55 นี้ หลังจากนั้นจะทำให้การปรับขึ้นราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง นอกจากนี้ การปรับขึ้นราคาขายปลีกแอลพีจี ภาคขนส่ง ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. จะไม่ผูกติดกับการปรับขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวี เพราะการปรับขึ้นพร้อมกันทุกวันที่ 16 ของเดือนทำให้เกิดปัญหากักตุนที่สถานีบริการ โดยจะให้ปรับขึ้น ทุกเดือน ตามวันที่ความเหมาะสม โดยพิจารณาจากต้นทุนก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมัน
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ค. 55 ยังคงติดลบ 22,851 ล้านบาท แต่สถานะรายวันเป็นบวก โดยมีเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ วันละประมาณ 32 ล้านบาท หรือ 997 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากที่ประชุม ครม.มีมติตามที่กพช.เสนอ คาดว่าจะไม่มีส่วนผลกระทบให้สถานะของกองทุนน้ำมันติดลบมากขึ้น แต่จะเป็นบวกได้ช้าลงเท่านั้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงข้อดีของการเปิดร้าน "ถูกทั้งแผ่นดิน" ว่า เป็นการตัดกลไกพ่อค้าคนกลางออกไป ให้ ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าจากตัวผู้ผลิตโดยตรง เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้สภาพอากาศจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่สาเหตุที่ทำให้สินค้า โดยเฉพาะพืชผัก มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขนส่ง ที่ต้องส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง 3-5 ต่อ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมราวร้อยละ 50 หากตัดพ่อค้าคนกลางออกจะทำให้ราคาสินค้าลดลง ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้มาก
ที่ จ.ลำปาง นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าฯ ลำปาง ร่วมกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัด จัดงาน "ถูกทั้งแผ่นดิน สินค้าสหกรณ์ ราคายุติธรรม" จำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค ราคาถูกให้แก่ประชาชนชาวลำปาง เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับ เนื่องจากผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยโครงการดังกล่าวจะจัดให้มีขึ้นทุกอำเภอ
ภายในงานมีสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพและราคาถูกจากสหกรณ์ต่างๆ 13 อำเภอ จำหน่ายให้กับประชาชนทั้งอาหารแห้งและอาหารสด เช่น ข้าวสาร น้ำตาล น้ำนม น้ำมันพืช แคบหมู ไข่ไก่ และเนื้อหมู ตลอดจนรวมไปถึงพืชผักและผลไม้ ส่วนทางด้านห้างสรรพสินค้าได้นำสินค้าอุปโภคมาจัดจำหน่ายในราคาถูกเช่นกัน ทั้งกะละมัง ถังน้ำ ผงซักฟอก แชมพู สบู่ ยาสีฟัน แปรง สีฟัน เป็นต้น ทุกอย่างราคาถูกกว่าท้องตลาด
ข้อมูลจาก นสพ.ข่าวสด 15 พ.ค. 55