ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการออกกำลังกายเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2554 ข้อ 3 (4) ให้ผู้บริโภคมีสิทธิเลิกสัญญา ดังนี้
1) อุปกรณ์/พื้นที่ ไม่เพียงพอ
• ผู้ประกอบธุรกิจไม่มีประเภทอุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือบริการอื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญา หรือประเภทอุปกรณ์ดังกล่าวชำรุดบกพร่อง หรือให้บริการได้ไม่เหมาะสมและเพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกและพื้นที่ออกกำลังกาย โดยผู้ประกอบธุรกิจไม่จัดหาอุปกรณ์ออกกำลังกายหรือบริการนั้นๆ ที่มีคุณภาพไม่ต่ำกว่ามาทดแทนได้ ภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับแจ้ง
2) มีใบรับรองแพทย์ไม่ให้ออกกำลังกาย
• มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากแพทย์ยืนยันว่าการใช้บริการออกกำลังกายต่อไปอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือสภาพร่างกายหรือจิตใจผิดปกติ
3) ได้รับบาดเจ็บจากฟิตเนส
• ได้รับการบาดเจ็บเนื่องจากผู้ฝึกสอนของผู้ประกอบธุรกิจไม่มีความรู้ความชำนาญ หรืออุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่มีคำเตือนว่าชำรุดบกพร่อง
หากผู้บริโภคต้องการยกเลิกสัญญาแต่ไม่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อ ข้างต้น ผู้บริโภคยังสามารถทำหนังสือแสดงเจตนา แต่จะต้องมีเหตุในการยกเลิกอย่างอื่น การยกเลิกสัญญาโดยที่ไม่มีเหตุว่าอีกฝ่ายผิดสัญญาอย่างไร จะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายด้วยจึงจะสามารถยกเลิกสัญญาได้
เมื่อยกเลิกสัญญาแล้ว ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินให้ผู้บริโภค ตามจำนวนเงินที่เหลือและยังไม่ได้ใช้บริการ ภายใน 30 วันนับแต่วันเลิกสัญญา (หากผู้ประกอบการไม่คืนเงินภายใน 30 วัน ผู้บริโภคมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับในอัตราเดียวกับที่ผู้ประกอบธุรกิจกำหนดให้ผู้บริโภคชำระกรณีผู้บริโภคผิดนัด ถ้าไม่ได้กำหนดให้คิดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี) กรณีจ่ายด้วยบัตรเครดิต ผู้ประกอบการจะต้องแจ้งระงับการเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตทันทีเมื่อสัญญาสิ้นสุด
" การเลิกสัญญาผู้บริโภคควรบอกกล่าวยกเลิกสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร "
ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
โทร. 02 248 3737 อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.