ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานเครือข่ายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรแห่งประเทศไทย กล่าวคัดค้านการเจรจา เพื่อลงนามการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนด้านการลงทุนใน 3 สาขา คือ การทำกิจกรรมเพาะขยายหรือปรับปรุงพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำป่าไม้จากป่าปลูก เพราะหากลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ต่างชาติจะเข้ามากว้านซื้อที่ดิน พร้อมกับจะเกิดขบวนการบรรษัทข้ามชาติแอบปลอมเข้าไปร่วมทุนกับประเทศในกลุ่ม อาเซียนที่ไม่มีฐานทรัพยากร อาทิเช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากพืชสมุนไพร และข้าว
"มีแนวโน้มสูงหากไทยไปลงนามเปิดเสรีลงทุนพันธุ์ พืชและสัตว์ ก็จะมีบางประเทศปลอมเข้ามาร่วมทุนกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ไม่มีฐาน ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเข้าไปใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้ด้วยการกว้านซื้อที่ดิน และการผูกขาดพันธุ์พืชที่ค้นพบผ่านการสิทธิบัตร" ภญ.สุภาภรณ์กล่าว
ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทางกลุ่มคัดค้าน เนื่องจากประเทศไทยไม่มีความพร้อมทางด้านฐานข้อมูลพันธุ์พืช และสัตว์ รวมถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะยังมีพันธุ์พืชอีกจำนวนมากที่ไทยเป็นเจ้าของ แต่ยังไม่มีการจดสิทธิบัตร ซึ่งแม้แต่ประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียก็ยังคัดค้าน
"ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีผืนดินที่อุดม สมบูรณ์สามารถปลูกพันธุ์พืชในแทบทุกชนิดในทวีปเอเชีย ดังนั้น ไทยจึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้ต่างชาติต้องการให้เปิดเสรี โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้" ภญ.สุภาภรณ์กล่าว
ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวยืนยันว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 ที่ชะอำ-หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในครั้งนี้จะไม่มีการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากเรื่องนี้ต้องผ่านการหารือกับคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่าง ประเทศ (กนศ.) ก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เร่งด่วน และสิ่งสำคัญสมาชิกอาเซียนยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนกับประเด็นดังกล่าวว่าเห็น ด้วยหรือไม่อย่างไร
ข้อมูลจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 22/10/52
ค้านไทยเปิดเสรีพันธุ์พืช-สัตว์อาเซียน
ปธ.เครือข่ายสมุนไพร ค้านไทยลงนามค้านเปิดเสรีพันธุ์พืช-สัตว์ อาเซียน หวั่นไทยจะโดนรุมทึ้งจากกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ อ้างไทยยังไม่มีความพร้อมด้านฐานข้อมูลพืช อีกทั้งจะมีการแจงจดสิทธิบัตร