เลขาธิการสปส.แจงนโยบายปีนี้เน้น เพิ่มสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ในการปลูกถ่ายอวัยวะ
ปลูกถ่ายตับ ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ-ปอด ขยายประกันสังคมมาตรา 40 ตั้งเป้าลงทุนฟันกำไร 4.5 หมื่นล้าน
นางอำมร เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายสปส.ในปีนี้จะปรับปรุงสิทธิประโยชน์การให้บริการรักษาพยาบาลของประกัน สังคมเพื่อให้ผู้ประกันตนได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ขึ้นทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์การปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผ่าตัดเปลี่ยนปอด ผ่าตัดปลูกถ่ายตับอ่อน การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะมากกว่า 1 อวัยวะขึ้นไป การเพิ่มสิทธิประโยชน์การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่ผู้ประกันตนที่ เป็นผู้ป่วยเสพยาเสพติด รวมทั้งการปรับปรุงรายการและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ทุพพลภาพและกรณี สูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือสูญเสียอวัยวะบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสปส.คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
เลขาธิการสปส. กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน สปส.จะส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 40 ทั้งทางเลือกที่ 1, 2 และ 3 ให้มากขึ้นเพื่อให้มีหลักประกันที่มั่นคงในชีวิตและมีเงินออมไว้ใช้จ่ายใน ยามชราภาพ รวมทั้งจะส่งเสริมให้ผู้ประกันตนในต่างจังหวัดได้รับรู้สิทธิประโยชน์เกี่ยว กับกรณีชราภาพโดยเฉพาะเงินออมชราภาพที่ถูกหักเงินสมทบไว้ในกองทุนชราภาพใน กองทุนประกันสังคมซึ่งมีการหักสะสมไว้ทุกเดือน เพื่อจะได้รู้ว่าตนเองมีเงินสะสมจำนวนเท่าใด ณ วันที่เข้าไปตรวจสอบสิทธิโดยจะจัดรถโมบายลงไปตามชุมนุมในจังหวัดต่างๆเพื่อ ให้บริการตรวจสอบสิทธิกรณีชราภาพ อีกทั้งประชาสัมพันธ์และรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 ด้วย
“สปส.ขอเพิ่มอัตรากำลังในช่วง 5 ปีนี้จำนวน 293 คนโดยปีนี้จะเพิ่ม 160 คนเพื่อขยายประกันสังคมมาตรา 40 และปีต่อๆไปเพิ่มอีกปีละ 40 คน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.)ของกระทรวง แรงงานแล้ว โดยส่วนตัวดิฉันและผู้บริหารสปส.เห็นตรงกันว่าต่อไปในอนาคตสปส.น่าจะเปลี่ยน สถานะไปเป็นองค์การมหาชนเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการกองทุนที่มีเงิน สะสมกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ก็ทำได้ยากเพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง เช่น ต้องผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) และติดขัดในแง่กฎหมายโดยคณะกรรมกฤษฎีกาเคยพิจารณาไว้ว่า องค์การมหาชนส่วนมากเป็นหน่วยงานด้านวิชาการ แต่สปส.เป็นหน่วยงานให้บริการและสิ่งที่สปส.เคยทำ เช่น การยึดทรัพย์สินนายจ้างที่ค้างจ่ายเงินสมทบและนำออกจำหน่ายเพื่อนำมาใช้หนี้ กองทุน จะไม่มีอำนาจทำเช่นนี้ได้อีกเพราะองค์การรมหาชนไม่มีกฎหมายให้อำนาจเช่นนี้ ไว้” เลขาธิการ สปส.กล่าว
นางอำมร กล่าวด้วยว่า สปส.จะมุ่ง สร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่กองทุนประกันสังคมโดยเห็นว่าแนวโน้มตลาด หุ้นไทยยังไม่ค่อยสดใส เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนเริ่มชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา ดังนั้น คณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดสปส.)จึงเห็นชอบแผนการลงทุนในปีนี้โดยให้คงสัด ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเท่าเดิมที่ร้อยละ 7-12 และทยอยลงทุนในหุ้นต่างประเทศสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 4 โดยลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น นอกจากนี้ จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทางเลือกซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และให้ผลตอบ แทนที่มั่นคงในระยะยาวได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน สินค้าโภคภัณฑ์และทองคำ จะกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท
ภาพจาก ภาพ www.bangkokhealth.com