นักวิชาการชำแหละ “ระบบรักษาฟรี-ประกันสังคม” พบรักษาฟรีมีสิทธิประโยชน์ด้านรักษาพยาบาลเพียบ ชี้ เป็นความเหลื่อมล้ำ เสนอเอาเงินส่วนจ่ายสมทบของผู้ประกันตน ไปเพิ่มส่วนบำนาญชราภาพ
นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีการศึกษาสิทธิประโยชน์ระหว่างหลักประกันสุขภาพถ้วน หน้า (ระบบรักษาฟรี) และประกันสังคม ว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มอบหมายให้ตนทำการศึกษาหารูปแบบที่เหมาะสมของระบบประกันสังคม โดยเปรียบเทียบกับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งทำการศึกษาออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาล 2.การบริหารจัดการภาพรวม 3.กรณีศึกษาต่างๆ และ 4.ผลการรักษาเปรียบเทียบระหว่างสองสิทธิ ซึ่งทำการศึกษาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553-เดือนเมษายน 2555 โดยเบื้องต้นได้ทำการศึกษาในส่วนของสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลเสร็จแล้ว และเตรียมที่จำเสนอสู่ สสส.ต่อไป
นพ.พงศธร กล่าวว่า จากการเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ทั้ง 2 ระบบ พบข้อมูลล่าสุดวันที่ 1 ม.ค.2554 โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครอง 2.สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน และ 3.สิทธิประโยชน์ที่เหมือนกันแต่บริหารจัดการต่างกัน โดยพบว่า สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า นั้นดีกว่ามา คือ 1.ขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครอง ระบบบัตรรักษาฟรีไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยประกัน และได้รับการคุ้มครองทันทีเมื่อลงทะเบียน ขณะที่ระบบประกันสังคมต้องจ่ายเงินสมทบในระยะเวลาที่กำหนด เช่น อย่างกรณีเจ็บป่วยต้องส่งเงินสมทบติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือน กรณีคลอดบุตรต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 7 เดือน และหากขาดการจ่ายเงินเกิน 3 เดือนสิทธินั้นเป็นอันสิ้นสุด
“2.สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน พบทั้งสิ้น 12 รายการ โดยบัตรรักษาฟรีครอบคลุมมากกว่า 11 รายการ ยกเว้นรากฟันเทียมที่ระบบประกันสังคมมีการครอบคลุม แต่บัตรรักษาฟรีไม่มี นอกนั้นบัตรรักษาฟรีมีสิทธิประโยชน์มากกว่าทั้งสิ้น ขณะที่ประกันสังคมไม่ได้ เช่น กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินผู้ประกันตนห้ามรักษาเกิน 2 ครั้งต่อปี แต่บัตรรักษาฟรีไม่จำกัดจำนวนครั้ง กรณีป่วยด้วยโรคเดียวกันที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลหรือผู้ป่วยในห้ามติดต่อกัน เกินกว่า 180 วันต่อ 1 ปี อีกทั้ง ยังมีอุปกรณ์และอวัยวะเทียมในการบำบัดโรคที่แตกต่างกัน โดยบัตรรักษาฟรีมี 207 รายการ ประกันสังคมมีเพียง 81 รายการ เป็นต้น 3.สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพเหมือนกัน การบริหารจัดการต่างกัน โดยทั้งหมดมี 25 รายการ แตกต่างกันในรายละเอียดและสิทธิประโยชน์ 15 รายการที่ประกันสังคมไม่มีการบริหารจัดการเฉพาะ แต่บัตรรักษาฟรีมี เช่น การผ่าตัดต้อกระจก การรักษาโรคหอบหืด เป็นต้น มีเพียงการผ่าตัดสมองที่ประกันสังคมมีการจัดการเฉพาะ แต่ระบบรักษาฟรีจ่ายตามกลุ่มโรคร่วม” นพ.พงศธร กล่าว
นักวิชาการ กล่าวด้วยว่า จาก การศึกษาในภาพรวมนั้นผู้ประกันตนมีสิทธิที่ดีกว่าเพียงการรักษารากฟันเทียม และการผ่าตัดสมองที่มีรายละเอียดมากขึ้น เช่น การผ่าตัดสมองกรณีผ่าเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับเยื่อหุ้ม สมอง ยกเว้นการเจาะรูกะโหลกไม่เกิน 15,000 บาทต่อราย ซึ่งสิทธิเหล่านี้แม้จะดีกว่า นับว่าเป็นความเหลื่อมล้ำที่ผู้ประกันตนอย่างมาก เพราะหากพิจารณาเงินที่ต้องจ่ายเงินสมทบโดยรวมแล้วปีละ 22,000 ล้านบาท และถ้าหากตัดงบฯนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นๆ จะคุ้มค่ากว่ามาก เช่น ไปเพิ่มสิทธิบำนาญชราภาพจากเดิมผู้ประกันตนจะได้รับเพียง 2,000 บาทต่อเดือนเป็น 9,000 บาททีเดียว ส่วนสิทธิการรักษาพยาบาลควรให้ผู้ประกันตนเลือกเองว่า จะอยู่ในระบบไหน ซึ่งอาจจะเป็นบัตรรักษาฟรี หรือตั้งเป็นกองทุนใหม่ เรื่องนี้ต้องหารืออีก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กุมภาพันธ์ 2554