“แพทยสภา” กลับลำ ยันไม่ค้านเรื่องสัดส่วน กก.สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีในระบบบริการสาธารณสุข แต่เสนอให้ปรับปรุงมาตรา 6 แนะหากเงินเหลือจากการชดเชยผู้เสียหายให้คืนคลังป้องกันการทุจริตเงินกองทุน
วันmี่19 ส.ค. นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นก ยกแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร(คกก.บห.)แพทยสภา ว่า จากการทางที่ประชุมได้ร่วมหารือกันในเรื่องการแก้ปัญหา พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการเข้ารับบริการสาธารณสุข พ.ศ..... นั้น ที่ประชุมได้เสนอให้แก้ไขร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในส่วนของการดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.อยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ให้ตัด (2) ในมาตรา 6 ที่ว่าด้วยการจ่ายค่าเสียหาย ว่าหากเป็นความผิดพลาดจากการให้บริการสาธารณสุขตามมาตรฐานวิชาชีพ แล้วจะไม่จ่ายเงินชดเชย เพื่อให้ง่ายต่อการจ่ายเงินแก่ผู้ได้รับความเสียหายง่ายขึ้น และระบุว่าจะจ่ายให้แม้เกิดจากความเสียหายจากเหตุสุดวิสัยและไม่ใช่ความผิด แพทย์ แต่ผู้เสียหายต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง เช่น แพ้ยาจนตาบอด
นอกจากนี้ ต้องเพิ่มรายละเอียดของมาตรา 5 (2) ด้วยว่า เมื่อผู้เสียหายได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น และได้รับเงินชดเชยจากกองทุนตาม พ.ร.บ.กำหนดแล้ว เห็นควรให้สิทธิในการฟ้องร้องคดีต่อศาลยุติธรรมเป็นอันระงับ คือ รับเงินแล้วไม่ต้องดำเนินคดีฟ้องร้องนั่นเอง ส่วนมาตรา 38 และ 41 ที่ร่างตามแนวคิดของเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งไม่มีกระบวนการไกล่เกลี่ยนั้นเห็นควรว่าควรที่จะตัดออก
“เหตุผลในการแก้ไขทั้งหมด ก็เพื่อขยายขอบเขตการคุ้มครองผู้ป่วย และสนับสนุนการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ป่วย และแพทย์ผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้” นพ.สมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมครั้งเนี้แพทยสภามีการกล่าวถึงสัดส่วนของคณะกรรมการสร้างเสริม ความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุขที่เคยคัดค้านก่อนหน้านี้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า คงไม่ต้องแก้ไขอะไรอีก นั่นคือใช้สัดส่วนแพทย์เพียง 3 คนจากคณะกรรมการฯ ทั้งหมด 18 คนได้เลย เนื่องจากมีการตัด (2) ในมาตรา 6 ที่จำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาว่าการให้การรักษาได้มาตรฐาน ตามวิชาชีพหรือไม่ออกไปแล้ว
นายก แพทยสภากล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวเห็นว่ามีประเด็นปลีกย่อยที่อาจจะจำเป็นต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น เรื่องงบประมาณกองทุน โดยเห็นควรให้มีการคืนเงินทุนแก่คลัง หากมีเงินเหลือจากการจ่ายชดเชยให้แก่ผู้เสียหาย เพราะถ้าหากไม่คืนอาจจะเป็นช่องทางให้เกิดการหากินจากเงินส่วนที่เหลือได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 สิงหาคม 2553