จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 30 ส.ค.มีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามนโยบาย เมดิคัล ฮับ (Medical Hub) ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1.กฎหมายในการบริการรักษาพยาบาล นั่นคือ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2551 โดยจำต้องแก้ไขคำจำกัดความของ “สถานพยาบาล” ในมาตราที่ 4 เพื่อให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการจัดการเรียนการสอนให้กับแพทย์ประจำบ้าน, การทำวิจัยและพัฒนาทางคลินิก, การจัดบริการสปาเพื่อสุขภาพ รวมทั้งการให้สถานพบายาบาลสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาจัดให้ บริการในศาสตร์แพทย์ทางเลือก ซึ่งจะต้องแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 มาตรา 30(7) ซึ่งขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จะดำเนินการยกร่างข้อกฎหมายแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.นี้ และหลังจากนั้น จะดำเนินการทำประชาพิจารณ์ก่อนที่จะเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุข (สธ.) ต่อไป 2.การแก้ไข พ.ร.บ.ยา ในมาตรา 13(5) เพื่อแก้ปัญหาการไม่สามารถสั่งยาแผนปัจจุบัน ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อนำมาใช้ในการวิจัยหรือใช้สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ในส่วนการยกร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ....
ขณะนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะมีการจัดทำประชาพิจารณ์ประมาณปลายเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะสามารถนำร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายในปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของกิจการสปา ซึ่งปัจจุบันต้องอยู่ภายใต้ประกาศ สธ.เรื่องกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ฉบับที่ 4) ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 จึงมีผลต่อภาพลักษณ์ของการให้บริการสุขภาพ ทั้งนี้คณะกรรมการสาธารณสุข ได้ มีมติเกี่ยวกับกิจการสปา 2 กรณี คือ 1.ให้คงกิจการสปาไว้ในกลุ่มที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อไป เพราะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพ เป็นการกระทำต่อมนุษย์ ผู้ให้บริการต้องผ่านการอบรมที่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องควบคุม กำกับ เพื่อให้สถานประกอบการจัดให้มีบริการที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2.ให้แก้ไขชื่อ “กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” เป็น “กิจการที่ต้องควบคุมเพื่อคุ้มครองสุขภาพ” เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนผู้ใช้บริการกังวลและหวาดกลัว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของ คณะอนุกรรมการปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.การสาธารณสุข ของกรมอนามัย กำลังพิจารณาแก้ไขอยู่
ด้าน นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้มีการรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขเรื่องข้อกฎหมายต่างๆที่ยังติดขัดอยู่ เป็นการรายงานตามปกติ ซึ่งทาง รมว.สธ.ก็บอกว่าให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าวเป็นระยะๆ
2 กันยายน 2553 โดย นสพ.ผู้จัดการ