บริการสุขภาพ

วิทยาตั้งกรรมการ ศึกษาเมดิเคิลฮับ

วันที่ 13 มกราคม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือเมดิเคิลฮับว่า เป็น 1 ในนโยบายของรัฐบาล และในเร็วๆ นี้จะออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินการโครงการ เมื่อผลการศึกษาแล้วเสร็จ จะเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้การดำเนินการรอบคอบที่สุด

"ผมยังมีแนวคิดเดิมคือ ต้องการรับแพทย์จากต่างชาติเข้ามารักษาผู้ป่วยต่างชาติ แต่ต้องเป็นไปตามกรอบของแพทยสภา เพื่อไม่กระทบกับแพทย์ในสังกัด สธ. รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นที่จะเป็นเมดิเคิลฮับ ส่วน สธ.จะผลักดันและสนับสนุนนโยบาย หรืออำนวยความสะดวกให้เท่านั้น" นายวิทยากล่าว

นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ สวรส.ได้เก็บข้อมูลแพทย์ที่ลาออกไปทำงานภาคเอกชนแล้ว เบื้องต้นพบว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์จากโรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ ถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากมีความสำคัญในการผลิตบุคลากรทางการเแพทย์เพิ่มเติม

"ส่วนกรณีที่จะให้แพทย์ต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทย องค์การอนามัยโลกเคยมีการถกเถียงกันในประเด็นใกล้เคียงที่แพทย์ชาวฟิลิปปินส์จะเข้าไปรักษาคนไข้ที่สหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลเชิงเศรษฐศาสตร์ที่ค่าตอบแทนถูกกว่า ฯลฯ อีกทั้งแพทย์ที่จบจากต่างประเทศอาจไม่ตรงกับความต้องการของคนในประเทศนั้นๆ จึงต้องไปรักษาในประเทศที่มีความต้องการแพทย์ในสาขาวิชาที่จบมา ขณะเดียวกัน ทำให้ประเทศต้นทางขาดแคลนแพทย์หนักยิ่งขึ้น ประเทศไทยก็ต้องพิจารณาในประเด็นนี้ด้วยว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับขาดแคลนแพทย์" นพ.พงษ์พิสุทธิ์กล่าว

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หากอนุญาตให้แพทย์ต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องกำหนดระยะเวลาใบประกอบวิชาชีพด้วย

มติชน 14-01-52

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน