มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องสคบ. และอย.หยุดเป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการ
ตามที่กรรมการว่าด้วยสัญญาสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ร่วมแถลงข่าวกับผู้ประกอบการตอบโต้ผลการทดสอบน้ำดื่มผสมวิตามินซีของนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยชี้แจงว่า การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ เป็นอำนาจของ สคบ. เพราะมีกฎหมายรองรับ ไม่เหมือนองค์กร หรือสมาคม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย และในหลายกรณีอาจจะเกิดจากการกลั่นแกล้ง หรือรับจ้างคู่แข่งทางการค้ามาโจมตี ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ผลิต แนะนำหากสินค้ามีปัญหาร้องเรียนได้ที่ สคบ. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐเท่านั้น
หากใครติดตามเรื่องดังกล่าวคงจะทราบว่า เป็นการกล่าวพาดพิงถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และที่สำคัญการตรวจน้ำดื่มผสมวิตามินซี ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นการตรวจผลิตภัณฑ์จากโรงงานผู้ผลิต ไม่ใช่การตรวจสอบสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อจากร้านค้าทั่วไป เหมือนที่นิตยสารฉลาดซื้อดำเนินการที่ผ่านมา
มูลนิธิฯ เรียกร้อง สคบ. พิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาคนดังกล่าว ที่ไปร่วมแถลงข่าวกับผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งที่เรื่องดังกล่าว สคบ. ไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าว หรือไม่ได้มีส่วนในการทดสอบผลิตภัณฑ์นั้นเอง ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ชอบหรือไม่และนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสัญญาหรือไม่ และขอให้อย.เปิดเผยข้อมูลกับผู้บริโภคถึงแหล่งที่มาของสินค้าที่ตรวจสอบ
อนุกรรมการสัญญา ถือเป็นกลไกส่วนหนึ่งของสคบ. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค ควรทำหน้าสนับสนุนองค์กรผู้บริโภค นอกเหนือการดำเนินงานสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่สำคัญการให้ข่าวในครั้งนี้ขาดการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง ว่ามีการดำเนินการอย่างไร ถือเป็นกล่าวหาและวิจารณ์การทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและองค์กรผู้บริโภค ว่ารับผลประโยชน์จากบริษัทคู่แข่ง โดยไม่เป็นความจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และองค์กรผู้บริโภคโดยรวม
ที่สำคัญการทดสอบสินค้าของอย. หรือหน่วยงานรัฐ ส่วนใหญ่ดำเนินเก็บตัวอย่างจากโรงงานเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างสินค้าจากแหล่งซื้อขายทั่วไป การทดสอบสินค้าและบริการ (Rating Comparative Test) เป็นการดำเนินการขององค์กรผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า เพราะเชื่อว่าการซื้อของผู้บริโภคเป็นการลงคะแนนออกแบบการผลิตสินค้า จะช่วยยกระดับมาตรฐานและคุณภาพสินค้าในประเทศได้เป็นอย่างดี และประเทศไทยถือได้ว่า การดำเนินการด้านนี้ มีความเข้มแข็งมากที่สุดในระดับภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ตามประกาศของกระทรวงการคลัง เลขที่ 576 มีวัตถุประสงค์คุ้มครองสิทธิอันพึงมีพึงได้ของผู้บริโภค มีกิจการสำคัญ คือ การจัดทำนิตยสารฉลาดซื้อ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลผลทดสอบสินค้าหรือบริการให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อ และมีอำนาจในการฟ้องคดีแทนผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 รวมทั้งปัจจุบันมีองค์กรผู้บริโภคจำนวนมาก ไม่น้อยกว่า 200 องค์กร ที่มีการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 46 วรรค 2 บุคคลย่อมมีสิทธิรวมกันจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค และมูลนิธิฯ ได้จดแจ้งเป็นองค์กรผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคคือใคร)
นิตยสารฉลาดซื้อ ได้ทำงานเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภค และเผยแพร่ข้อมูลผลทดสอบสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ มาเป็นเวลากว่า 27 ปี โดยผลการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมมากมาย การทดสอบใช้ห้องทดลองที่ได้มาตรฐานในด้านนั้น ๆ มีความเป็นกลาง เชื่อถือได้ มีความเป็นอิสระ ให้ความเป็นธรรมกับทุกบริษัทเท่าเทียมกัน ไม่มีการรับโฆษณาจากบริษัทใดๆ หรือรับจ้างทดสอบแต่อย่างใด โดยการทดสอบมีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้
- สุ่มเก็บตัวอย่างสินค้า โดยการซื้อมากยี่ห้อที่จะซื้อได้จากร้านค้าทั่วไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในระยะเวลาตั้งแต่ 1 วันถึงไม่เกิน 1 สัปดาห์
- บันทึกรายละเอียดบนฉลากของสินค้าทุกรายการ ก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ISO 17025 และทดสอบตามมาตรฐานที่หน่วยงานรัฐกำหนด หรือหากไม่มีมาตรฐานของประเทศก็ใช้มาตรฐานระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับร่วมกัน เช่น CODEX
- เผยแพร่ผลการทดสอบโดยระบุยี่ห้อเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และดังที่องค์กรผู้บริโภคมีการดำเนินการกันทั่วโลก
- ส่งผลการทดสอบให้หน่วยงานที่กำกับดูแลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อบังคับใช้กฎหมายและยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของสินค้า