คุมเข้มพ่อค้า แม่ค้า ขายขนม-ของเล่นหน้ารร.

สคบ.ร่อนหนังสือให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ตั้งทีมลงพื้นที่ตรวจขายของหน้าโรงเรียน หวั่นพ่อค้า-แม่ค้าขายของหลอกเด็ก และของเล่นอันตราย ขู่ลงดาบ พร้อมเพิ่มโทษขายสินค้าต้องห้ามขายติดคุก 5 ปี ปรับ 5 แสนบาท

 

 

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดตั้ง คณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าและบริการบริเวณหน้าโรงเรียน โดยคณะทำงานชุดนี้ต้องจัดทีมออกสุ่มตรวจสินค้าที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นอันตราย ต่อเด็กนักเรียน เช่น ของเล่นอันตรายไม่มีคุณภาพ อาหาร และขนมขบเคี้ยว รวมถึงสินค้าต้องห้ามที่สคบ.ได้ประกาศห้ามจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองหลายรายว่า เห็นสินค้าดังกล่าวถูกลักลอบจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากพบว่ามีจำหน่ายจริง ผู้ค้าต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที

ทั้งนี้ในการดำเนินการเอาผิดนั้น ที่ผ่านมาสคบ.ได้ใช้วิธีแบบอนุโลม พบเห็นในครั้งแรกก็ตักเตือนและให้หยุดจำหน่ายสินค้าชนิดนั้นก่อน หากพบว่ายังนำมาจำหน่ายอีกจึงถูกดำเนินคดี แต่ที่ผ่านมาก็มีผู้ลักลอบและไม่เกรงกลัวต่อโทษ ดังนั้นจึงต้องดำเนินมาตรการที่เข้มข้นขึ้น โดยได้ออกกฎหมายฉบับใหม่ ระบุทาที่รุนแรงขึ้นอีก 1 เท่าตัว คือ จากเดิมหากผมผู้กระทำความผิดลักลอบจำหน่ายสินค้าต้องห้าม มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท
ขณะผู้ที่ผลิตหรือนำเข้าสินค้าจากเดิมมีโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มเป็นจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เจอร้องเรียนมาหลายรายเหมือนกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะออกตรวจอย่างเข้มข้นแล้ว ก็ยังพบการขายของอันตรายอยู่ เช่น หมากฝรั่งไฟช็อต ที่เป็นของเล่นแกล้งคนที่ใช้ไฟฟ้าช็อตให้เกิดการตกใจจากไฟฟ้าที่ถูกดูด ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงของกิน ของทอดที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนให้ผู้ค้าได้รับทราบ หากยังขายสินค้าชนิดที่ว่าอยู่ก็ขอให้เลิกขาย ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดและมีโทษที่รุนแรงด้วย”
อย่างไรก็ตามสคบ.ยังขอความร่วมมือกับโรงเรียน และผู้ปกครอง รวมถึงเด็กนักเรียน หากพบข้อสงสัย สามารถแจ้งเบาะแส หรือส่งข้อร้องเรียนมาที่สคบ.ได้ทันที ผ่านสายด่วน 1166 หรือขอรับแบบฟอร์มการร้องเรียนที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา ได้ฟรี และไม่เสียค่าจัดส่ง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ยังเตรียมแผนออกสุ่มตรวจการจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศอีกทางด้วย

นายจิรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสคบ.ได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและสถานศึกษา ขอให้เป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง โดยจะกระจายการตรวจสอบในสาขาต่างๆ ให้ครบถ้วน เพราะปัจจุบันการร่วมมือกับเครือข่ายผู้บริโภคที่มีอยู่ทั่วประเทศ มีบุคลากรไม่เพียงพอและไม่สามารถตรวจสอบการจำหน่ายและบริการของผู้ประกอบการ ได้ครอบคลุมทั้งหมด จึงต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการตรวจสอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภค ร่วมกัน เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการมักลักลอบเอาเปรียบทุกรูปแบบ จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีสินค้าเคลื่อนย้าย เข้ามาภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน