5 ปี ที่เลยผ่านของ วิสารท์ ทัฬหวรรัตน์ อดีตนักจัดรายการวิทยุ เหยื่อรถตู้สายสิงห์บุรี-ลพบุรี ที่ย้อนอดีตเล่าถึงความหวังที่เขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูแม่เพื่อทดแทนบุญคุณสลายลงเมื่อ เวลา 9 โมงกว่าๆ ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2554
เมื่อวิสารท์เรียนจบ เขาอาสาทำงานหาเลี้ยงแม่ ด้วยการทำงานหลายงาน ทั้งการเป็นดีเจ รับจัดอีเว้นท์ รวมทั้งการมีรายได้พิเศษอื่นๆ ที่พอเพียงจึงบอกให้แม่หยุดทำงาน แต่แล้วในเช้าวันธรรมดาที่โหดร้ายของการโดยสารรถตู้วันนั้น ขณะเขาเดินทางไปทำงานที่ลพบุรี ซึ่งเขาโดยสารรถตู้โดยสารประจำทาง บริษัทจักรพันธ์ทัวร์ จำกัด สาย สิงห์บุรี-กรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียน 10-2523 หักหลบรถจักรยานยนต์ ก่อนเสียหลักข้ามเลนมาชนประสานงากับรถยนต์พ่วงบรรทุกก๊าซ NGV บนถนนสายลพบุรี-สิงห์บุรี ช่วง กม.6-7 หมู่ที่ 15 ต.บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 13 คน วิสารท์ได้รับบาดเจ็บ กระดูกต้นขาขวาและซ้ายแตกหัก สะโพกซ้ายแตก เส้นประสาทส่วนแขนได้รับความเสียหาย
หลังการเข้าเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทรถตู้โดยสารและบริษัทประกันภัยคู่กรณีที่สถานีตำรวจภูธรท่าวุ้งหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธความช่วยเหลือต่อการชดเชยเยียวยาใดๆ รวมทั้งการบ่ายเบี่ยงจากบริษัทประกันภัยในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน แต่ก็ยังได้รับเงินจาก พ.ร.บ. 15,000 บาท และก็รักษาจากประกันชั้นหนึ่งเป็นค่ารักษาหมดเหลือให้มาเป็นเช็คมาได้มา 110 บาท
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 5 ปีที่ผ่านไป แต่ความทุกข์ของวิสารท์ยังอยู่ เพราะยังคงเดินไม่ได้ แม่ที่หวังจะได้พัก กลับต้องมาทำงานหนักเพื่อดูแลเขา แม้เขาจะรับทำงานขายของออนไลน์กับเพื่อนๆ แต่รายได้ก็ยังไม่ครอบคลุม เงินขายบ้านที่หวังจะนำไปซื้อบ้านใหม่ในเมืองสิงห์บุรีกลับต้องนำมารักษาเขาจนหมด จนปัจจุบันต้องอาศัยอยู่ห้องเช่ากับช่วยกันออกค่าเช่ากับน้า
“ไม่มีใครมาช่วยเรา ติดต่อไปตามหน่วยงานต่างๆ เขาก็บอกว่าไม่มีนโยบาย บางเดือนก็ไม่มีค่าน้ำ ค่าไฟมาจ่าย ต้องไปยืมเพื่อนบ้าง โดนเขาว่าบ้าง บางทีมันก็ท้อ แต่แม่บอกให้สู้ ตอนอยู่โรงพยาบาลเคยกอดคอกันร้องไห้ ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ”
วิสารท์เคยไปขอให้เจ้าของรถตู้ให้ความช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธกลับมาโดยมีเหตุผลว่า “เดือดร้อนเหมือนกัน” สุดท้ายเขาจึงยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 ฟ้อง 5 ส่วนนั่นคือ คนขับรถมอเตอร์ไซด์ เจ้าของรถตู้โดยสาร บริษัทประกันภัย ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ รวมทั้ง บขส.บริษัท ขนส่ง จำกัด โดยมีทนายอาสาจากศูนย์ทนายความอาสาและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้ความช่วยเหลือ ปัจจุบัน คดีอยู่ระหว่างการเตรียมบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพื่อให้บริษัท ขนส่ง จำกัด จำเลยในคดีจ่ายเงินค่าเสียหายตามคำพิพากษา 713,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 (เดิมศาลพิพากษาไว้ 963,500 บาท แต่ต่อมาประกันภัยมาจ่ายแล้ว 250,000 บาท ตอนนี้เหลือที่ บ.ขนส่งฯ ต้องจ่ายอีกประมาณ 713,500 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย)
คุณแม่กิมเอ็ง ทัฬหวรรัตน์ อายุ 56 ปี แม่ของอ๊อฟเล่าว่าเมื่ออ๊อฟเดินไม่ได้ แม่ก็ต้องเป็นคนเดินเรื่องขอความช่วยเหลือต่างๆ ลำบากมากเพราะแม่ก็ไม่ค่อยรู้ขั้นตอนต่างๆ
“แม่ไม่อยากจะให้ช่วยให้แม่ชนะหรอก ขอแค่ช่วยให้แม่มีเงินมารักษาลูก อยากให้คุ้มครองผู้ประสบอุบัติเหตุหน่อย โดนชนแล้วไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเลย แม่ก็อยากจะให้มีหน่วยงานไหนสักหน่วยงานหนึ่งเข้ามาคุ้มครองหรือช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น เราก็ดิ้นรนกันเอง ทั้งเดินเรื่อง ทั้งหาเงิน
เงินประกันที่ได้มาก้อนแรกมันน้อยไปสำหรับเราเพราะว่า คนของเราเจ็บมาก เงินที่เขาช่วยเหลือเยียวยามานี้มันก็น้อยเกินไป แม่อยากจะให้เพิ่มวงเงินขึ้นอีกเพราะชีวิตคนมันยังต้องอยู่ต่อไป